กระทรวงสาธารณสุข รับมอบรากฟันเทียมผลิตโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีล็อตแรก 12,500 ราก จัดส่งให้สถานบริการ 116 แห่ง ดำเนินการผ่าตัดใส่ให้ผู้สูงอายุฟรีในโครงการ รากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2550-2552 จำนวน 10,000 คน หลังนำร่องในผู้สูงอายุ 30 คนใน 7 จังหวัดพบได้ผลดี ผู้สูงอายุพึงพอใจสามารถเคี้ยวอาหารได้ดีขึ้น ตั้งเป้าใส่ในปี 2551 นี้ 5,000 คน
วันนี้ (25 สิงหาคม 2551) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ทำพิธีส่งมอบชุดรากฟันเทียมที่ผลิตโดย สำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 12,500 ราก ให้หน่วยบริการสาธารณสุขที่ดำเนินการในโครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 นำไปให้บริการแก่ผู้สูงอายุในโครงการต่อไป
นายชวรัตน์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมมือกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดทำโครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้บริการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมแก่ผู้สูงอายุที่ได้รับฟันเทียมในโครงการฟันเทียมพระราชทานของกระทรวงสาธารณสุข แต่มีปัญหาหลังใส่ฟันเทียมแล้วหลุดง่าย เนื่องจากมีการละลายตัวของสันกระดูกขากรรไกร ทำให้ไม่สามารถใช้ฟันเทียมบดเคี้ยวอาหารได้ดี จึงต้องใช้วิธีการฝังรากฟันเทียมที่บริเวณขากรรไกรล่างทั้งข้างซ้ายและขวา เพื่อช่วยยึดฟันเทียมให้ติดแน่นขึ้น ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ ราคาแพง หากนำเข้าจากต่างประเทศ ต้องใช้คนละ 120,000 บาท แต่โครงการนี้จะบริการให้ฟรี เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดำเนินการ 3 ปี ตั้งแต่ตุลาคม 2550 ถึงกันยายน 2552 จำนวน 10,000 คนทั่วประเทศ รายละ 2 ราก รวม 20,000 ราก ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 134 ล้านกว่าบาท ตั้งเป้าหมายใส่ใน 2551-2552 ปีละ 5,000 คน คาดเดินหน้าได้ตั้งแต่ปลายเดือนนี้เป็นต้นไป
ด้านนายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ทดลองนำร่องฝังรากฟันเทียมให้ผู้สูงอายุแล้ว 30 ราย ในสถานพยาบาล 7 แห่ง ได้แก่ สถาบันทันตกรรม รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ รพ.ศูนย์อุดรธานี รพ.ศูนย์ชลบุรี รพ.มหาราชนครราชสีมา รพ.ศูนย์ลำปาง และรพ.ศูนย์หาดใหญ่ พบว่าได้ผลดี ในปี 2551 จะขยายบริการผู้สูงอายุในโครงการฯ โดยมีโรงพยาบาลเข้าร่วมโครงการครบทุกจังหวัดรวม 116 แห่ง ในจำนวนนี้ เป็นคณะทันตแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัย 6 แห่ง มีทันตแพทย์และทันตบุคลากรผ่านการอบรมแล้ว 349 คน และจะวิจัยติดตามประเมินความพึงพอใจของผู้ที่ได้รับการฝังรากฟันเทียม เพื่อนำมาพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่องทุกปี
ทางด้านนายแพทย์เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การฝังรากฟันเทียมเป็นเทคโนโลยีทันตกรรมขั้นสูง ต้องทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ที่ผ่านมาต้องนำเข้ารากฟันเทียมจากต่างประเทศราคารากละ 50,000 120,000 บาท ทำให้ผู้สูงอายุที่ประสบปัญหาเข้าถึงบริการได้น้อย โดยรากฟันเทียมที่ผลิตครั้งนี้ เป็นต้นแบบรากฟันเทียมที่ผลิตในไทย คุณภาพได้มาตรฐานสากล ราคารากละ 5,000 - 6,000 บาท ถูกกว่าต่างประเทศเกือบ 10 เท่าตัว ช่วยประหยัดงบประมาณรัฐ ลดการเสียเงินออกต่างประเทศหากนำเข้ารากฟันเทียมมาใช้ในโครงการนี้ได้ถึง 1,200 ล้านบาท และช่วยให้ผู้สูงอายุที่ด้อยโอกาสได้รับการดูแลรักษาครอบคลุมยิ่งขึ้น มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
************************ 25 สิงหาคม 2551
View 9
25/08/2551
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ