กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ 4 สภาวิชาชีพด้านสุขภาพ พัฒนาระบบ “หมอพร้อม” สู่ Digital Health Platform ของประเทศไทย เชื่อมโยงโรงพยาบาลรัฐ เอกชน คลินิกเวชกรรม ทันตกรรม เทคนิคการแพทย์ ร้านยา และ รพ.สต. เข้าสู่ระบบบริการสุขภาพดิจิทัล ให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลสุขภาพตนเองและบริการที่รวดเร็วปลอดภัย บุคลากรทางการแพทย์ทุกสังกัดเข้าใช้งานผ่านหมอพร้อม Station เพื่อบริการประชาชนได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ทั้ง Telemedicine, Telepharmacy, ให้คำปรึกษาผลแล็บ, ออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัล, แจ้งเตือน/นัดหมายรับบริการ เป็นต้น

      วันนี้ (7 มีนาคม 2565) ที่กระทรวงสาธารณสุข ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พล.อ.ต. นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา ทพ.พลาวัสถ์ เลาหรุ่งพิสิฐ รองเลขาธิการทันตแพทยสภา รศ.(พิเศษ) ภก.กิตติ พิทักษ์นิตินันท์ นายกสภาเภสัชกรรม และ ทนพ.สมชัย เจิดเสริมอนันต์ นายกสภาเทคนิคการแพทย์ ร่วมแถลงข่าว “ความร่วมมือการพัฒนาหมอพร้อม Digital Health Platform

       ดร.สาธิตกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้อย่างสะดวก รวดเร็วและทั่วถึง ที่ผ่านมาได้พัฒนาระบบ “หมอพร้อม” อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานแล้วกว่า 28 ล้านคน ทั้งในระบบ LINE OA และแอปพลิเคชัน ล่าสุด ได้พัฒนาให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น ด้วยการร่วมมือกับ 4 สภาวิชาชีพ ได้แก่ แพทยสภา ทันตแพทยสภา สภาเภสัชกรรม และสภาเทคนิคการแพทย์ ขับเคลื่อนระบบหมอพร้อมสู่การเป็น Digital Health Platform ของประเทศไทย เพื่อปรับโฉมการให้บริการสุขภาพที่ทั้งทันสมัย เข้าถึง และเท่าทันต่อความต้องการของประชาชน

       นพ.โสภณ กล่าวว่า การพัฒนาหมอพร้อม Digital Health Platform ร่วมกับ 4 สภาวิชาชีพ จะทำให้ระบบบริการสุขภาพของประเทศไทยก้าวสู่ระบบบริการสุขภาพแบบดิจิทัล สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ในปัจจุบัน และรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านโรคระบาดและปัจจัยกำหนดสุขภาพอื่นๆ ในอนาคต โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ เช่น การนำ AI มาประยุกต์ในการวินิจฉัยและรักษาโรค, การบริหารจัดการข้อมูลสุขภาพด้วย Blockchain, การจัดทำ Big Data เพื่อวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลสุขภาพสำหรับส่งเสริมการให้บริการการบริหารจัดการและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการจัดเก็บข้อมูล (Cloud Computing), การพัฒนาระบบการสื่อสารทางไกลในการให้บริการประชาชน เป็นต้น ซึ่งนอกจากช่วยอำนวยความสะดวก ยังให้ความสำคัญกับการคุ้มครองประชาชน ทั้งสิทธิส่วนบุคคล ความปลอดภัยของข้อมูล และความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์รวมถึงสนับสนุนและส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข

     “กระทรวงสาธารณสุขจะสนับสนุนและผลักดันให้ “หมอพร้อม” เป็น Digital Health Platform ของประเทศไทย และขอเชิญชวนบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทุกวิชาชีพ ร่วมใช้งานแพลตฟอร์มนี้ในการให้บริการประชาชน เพื่อเป็นการปรับตัวและช่วยพัฒนาระบบบริการสุขภาพของประเทศไทย สู่ “Digital Health Care” ที่สมบูรณ์แบบต่อไป” นพ.โสภณกล่าว

      นพ.สุระกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีแนวคิดเชื่อมโยงระบบการให้บริการสุขภาพต่างๆ ของโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน คลินิกเวชกรรม คลินิกทันตกรรม ร้านขายยา โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สู่ประชาชน ผ่านไลน์และแอปพลิเคชันหมอพร้อม เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของตนเองและเข้าถึงบริการสุขภาพที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย โดยเปิดระบบ “หมอพร้อม Station” ให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทุกสังกัดใช้งานหมอพร้อม Digital Health Platform ในการให้บริการสุขภาพแก่ประชาชนแล้วตั้งแต่วันนี้บริการที่เปิดใช้งาน ได้แก่ Telemedicine ให้คำปรึกษาทางการแพทย์และติดตามการรักษาพยาบาล, Telepharmacy ให้คำปรึกษา ติดตามการใช้ยาและผลข้างเคียง, Telemedical Lab บริการด้านเทคนิคการแพทย์ รายงานผลการแปลผลทดสอบ และให้คำปรึกษาก่อนและหลังการตรวจ นำร่องด้วยการตรวจหาเชื้อโควิด 19 ด้วย ATK ผ่านการใช้ Video Call เพื่อให้คำแนะนำการใช้ชุดตรวจอย่างถูกต้อง, การออกใบรับรองแพทย์แบบดิจิทัล ทั้งการตรวจวินิจฉัยโรคและตรวจสุขภาพ, การบันทึกประวัติการแพ้ยาของประชาชน, การบันทึกผลตรวจโควิดด้วยชุดตรวจ ATK หรือ RT-PCR, ระบบแจ้งเตือน แจ้งนัดหมาย และส่งข่าวสารประชาสัมพันธ์ถึงประชาชน และการเชื่อมระบบ Logistics สำหรับการขนส่งยา จากโรงพยาบาล หรือคลินิก ไปถึงบ้านของประชาชน

     “ระบบบริการข้างต้น หลายหน่วยงานมีการใช้งานอยู่แล้ว กระทรวงสาธารณสุขจะร่วมมือกับ 4 สภาวิชาชีพ พัฒนาฟังก์ชันต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อให้หมอพร้อม Digital Health Platform รองรับการให้บริการสุขภาพของประชาชนอย่างครอบคลุม อาทิ การให้บริการตรวจและรายงานผลแล็บอื่นๆ เช่น การตรวจการตั้งครรภ์ การตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เป็นต้น การพัฒนาระบบนัดหมายเข้ารับบริการที่โรงพยาบาล คลินิก ร้านขายยา หรือหน่วยบริการสุขภาพอื่นๆ การชำระค่ารักษาพยาบาลแบบอิเล็กทรอนิกส์ และจะขยายการใช้งานหมอพร้อม Digital Health Platform ให้ครอบคลุมทั้งประเทศต่อไป” นพ.สุระกล่าว

      พล.อ.ต. นพ.อิทธพร กล่าวว่า การระบาดของโควิด 19 ส่งผลกระทบให้ต้องเลื่อนการรักษาและผ่าตัดต่างๆ ออกไป และมีการพัฒนานวัตกรรมอื่นๆ มาใช้ เช่น Telemedicine ซึ่งแพทยสภาได้ผลักดันและสนับสนุนการนำนวัตกรรมออกสู่สังคมและสู่สมาชิกแพทยสภา ทั้งนี้ ระบบหมอพร้อมของกระทรวงสาธารณสุขเป็น Platform ที่มีระบบต่างๆ ที่สำคัญ ทั้ง Telemedicine ใบรับรองแพทย์ดิจิทัล ระบบดูแลคลินิกและปฐมภูมิ ฯลฯ แพทยสภาพร้อมร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมและร่วมพัฒนาหมอพร้อมทุก Platform กับทุกสภาวิชาชีพเพื่ออำนวยความสะดวกแก่สมาชิกและประชาชน

      ทพ.พลาวัสถ์ กล่าวว่า ความร่วมมือนี้จะทำให้ประชาชนเข้าถึงระบบบริการทันตกรรมดิจิทัลได้ในอนาคตอันใกล้ สิ่งสำคัญที่สุดของการทำ Digital Health Platform คือความร่วมมือของสภาวิชาชีพต่างๆ ในการเชื่อมโยงเครือข่าย แลกเปลี่ยนและใช้ข้อมูลร่วมกัน หากทำได้สำเร็จประโยชน์จะอยู่กับประชาชน ทั้งนี้ ช่วงการระบาดของโควิดที่ผ่านมา เครือข่ายวิชาชีพทันตกรรมได้จัดตั้งกลุ่มอาสาสมัครใช้ Line หมอฟันไทยสู้ภัยโควิดขึ้น เพื่อให้คำปรึกษากับประชาชนที่มีปัญหาในช่องปาก ประสานหาคลินิกทันตกรรมกรณีฉุกเฉิน ซึ่งต่อไป Teledentistry จะมีบทบาทอย่างมากในการช่วยให้คนไข้ปรึกษาพูดคุยกับทันตแพทย์ ส่งต่อข้อมูลภาพถ่ายรังสีและการรักษาได้ ซึ่งทันตแพทยสภามีแนวคิดที่จะพัฒนาระบบจัดเก็บข้อมูลสุขภาพช่องปากส่วนบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ “Personal Dental Health Record ที่ประชาชนจะเป็นเจ้าของข้อมูลสุขภาพช่องปาก รู้ว่าได้รับการรักษาอะไรมาบ้าง รู้ถึงความเสี่ยงต่อการเกิดโรคในช่องปาก และมีการสื่อสารที่เฉพาะเจาะจงกับบุคคลรวมถึงข้อมูลสุขภาพช่องปากส่วนบุคคลจะเป็นประโยชน์มากในการช่วยพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลด้วย

         รศ.(พิเศษ) ภก.กิตติ กล่าวว่า ข้อมูลบริการที่สภาเภสัชกรรมจะนำเข้าในระบบหมอพร้อม ได้แก่ 1.ข้อมูลร้านยาทั่วประเทศ พิกัดและรายขื่อเภสัชกรที่ปฏิบัติการประจำร้าน 2.ข้อมูลร้านยาคุณภาพที่สภาเภสัชกรรมรับรอง 3.ข้อมูลร้านยาที่เข้าร่วมระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เช่น ร้านยาใกล้บ้านใกล้ใจ ตามโครงการลดความแออัดในโรงพยาบาล และร้านยาที่ร่วมในการให้บริการด้านสร้างเสริมสุขภาพต่างๆ เช่น การแจกยาคุมกำเนิด ถุงยางอนามัย และ ATK ประชาชนกลุ่มเสี่ยง เป็นต้น  4.ร้านยาที่ให้บริการ Home Isolation ดูแลผู้ป่วยโควิค 5.ร้านยาเภสัชอาสาพาเลิกบุหรี่ ที่ให้บริการการเลิกบุหรี่ ร่วมกับ สสส. 6.Plug in ระบบ Real time pharmacist app. (ร้านยาที่มีเภสัชกรปฏิบัติหน้าที่อยู่ในขณะที่ค้นหา) 7.ร้านยาที่ให้บริการและให้คำปรึกษาในระบบเภสัชกรรมทางไกล (Telepharmacy) 8.การเชื่อมต่อร้านยาเข้าเป็นเครือข่ายระบบบริการปฐมภูมิของกระทรวงสาธารณสุข (ในโอกาสต่อไป) และ 9.ข้อมูลความรู้ด้านยาแก่ประชาชน

       ทนพ.สมชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาสภาเทคนิคการแพทย์มีการพัฒนาในระบบหมอพร้อมแล้วหลายเรื่อง เดือนมีนาคม 2565 จะพัฒนาระบบการนัดหมายและการแจ้งเตือนใหม่ ผ่านระบบ Hotline Medtech เพื่อรองรับการให้คำปรึกษา TeleATK การบันทึกผลงานวิ่งบางแสน 42 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 20 มีนาคมนี้ เริ่มพัฒนา Code TMLT  สำหรับการส่งตรวจแล็บจากคลินิกเวชกรรมและรายงานผลแล็บผ่านระบบหมอพร้อม โดยเลือกกลุ่มรายการแล็บตรวจสุขภาพ กลุ่มรายการแล็บที่เกี่ยวกับ Long  Covid เพื่อบันทึกผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแสดงผลเป็นประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ และร่วมพัฒนาระบบ MOPH-LAB Laboratory Request Center พัฒนาเชื่อมต่อระบบการส่งข้อมูลแล็บกับหน่วยบริการปฐมภูมิของรัฐ เอกชน สู่โรงพยาบาล โดยมีผู้แทนเทคนิคการแพทย์จากสำนักงานเขตสุขภาพที่ 8 เป็นหน่วยบริการนำร่องร่วมกับหมอพร้อม

**************************************** 7 มีนาคม 2565

 

****************************************



   
   


View 586    07/03/2565   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ