รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ห่วงเด็กเล็กยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด แนะผู้ปกครองดูแลเด็กให้เคร่งครัดป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด พร้อมให้รพ.ในสังกัดและรพ.ภาคีเครือข่าย เตรียมความพร้อมรองรับเด็กป่วย

          วันนี้ (30 ธันวาคม 2564) ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ และคณะผู้บริหาร ตรวจเยี่ยมความพร้อมด้านการรักษาโรคโควิด 19 ในเด็ก และให้สัมภาษณ์ว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอน กลุ่มที่เป็นห่วงมากที่สุดคือเด็กที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ซึ่งขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการและอาหารได้ขึ้นทะเบียนวัคซีนในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างสำรวจความสมัครใจของเด็กและผู้ปกครองโดยกระทรวงศึกษาธิการ คาดว่าจะเริ่มฉีดได้ในช่วงเดือนกุมภาพันธุ์ 2565 นี้ ในระหว่างที่รอการฉีดวัคซีนจึงขอให้ผู้ปกครองเคร่งครัดมาตรการป้องกันส่วนบุคคลขั้นสูงสุด ขณะเดียวกันได้สั่งการโรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่ง รวมถึงประสานเครือข่ายโรงเรียนแพทย์ และโรงพยาบาลภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน ให้เตรียมความพร้อมทั้งเตียง ยา วัสดุอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ รองรับผู้ป่วยกลุ่มนี้ให้มากที่สุดหากเกิดกรณีมีการติดเชื้อจำนวนมาก

           ดร.สาธิต กล่าวต่อว่า จากการตรวจเยี่ยมสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ซึ่งเป็นสถาบันเฉพาะทางที่ดูแลเด็ก พบว่า มีการเตรียมความพร้อมอย่างดี สามารถให้การดูแลผู้ป่วยโควิดเด็กทุกกลุ่มอาการ โดยกลุ่มสีเขียวจะให้รักษาตัวที่บ้าน (Home Isolation) ส่วนกลุ่มสีเหลืองและสีแดงจะรับไว้รักษาในสถาบัน ซึ่งขณะนี้มีห้องแยกความดันลบ 8 ห้อง มีเตียงรองรับผู้ป่วยทั้งหมด 70 เตียง นอกจากนี้ยังมอบหมายให้สถาบันฯ เตรียมความพร้อมรองรับการฉีดวัคซีนกลุ่มเด็ก 5-11 ปี ซึ่งได้มีการซักซ้อม พร้อมจัดสถานที่สำหรับให้บริการ เพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเร็ว และจะเร่งฉีดเด็กกลุ่มนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน

          “เทศกาลปีใหม่นี้ ขอความร่วมมือประชาชนไม่ประมาท และมีวินัยในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเอง สวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงไปในสถานที่ปิด และสถานที่ที่มีการรวมคนจำนวนมาก เพื่อฉลองปีใหม่อย่างปลอดภัย ไม่เสี่ยงติดเชื้อ” ดร.สาธิตกล่าว

*********************************** 30 ธันวาคม 2564

**********************************



   
   


View 383    30/12/2564   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ