ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเผย 4 ปัจจัยเสี่ยงโควิดแพร่ระบาด เดินหน้ามาตรการ VUCA ควบคุมโรค ร่วมมือหลายหน่วยงานลุยฉีดวัคซีนให้ครบ 100 ล้านโดส เน้นกลุ่มเสี่ยง แรงงานต่างด้าว เพิ่มมาตรการจูงใจชวนคนรับวัคซีนเพิ่ม ย้ำมาตรการส่วนบุคคล UP เข้ม COVID Free Setting ตรวจ ATK และขอความร่วมมือทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการทางด้านสาธารณสุขอย่างเข้มข้น

        วันนี้ (15 พฤศจิกายน 2564) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย และนายแพทย์เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในสภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค ร่วมแถลงสถานการณ์โควิด 19 ,ความคืบหน้าการฉีดวัคซีนและมาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุขรองรับการเปิดประเทศ โดย นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยมี 4 ปัจจัยที่ทำให้มีความเสี่ยงจะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ได้ คือ การเปิดประเทศ การเปิดเรียน การผ่อนคลายให้กิน-ดื่มในร้านอาหารได้ และการรวมตัวทำกิจกรรมต่างๆ ได้จำนวนหนึ่ง กระทรวงสาธารณสุขจึงมุ่งเน้นการดำเนินงาน 4 ส่วน ได้แก่ V- Vaccine เร่งรัดการฉีดวัคซีนให้ทุกคนบนแผ่นดินไทยให้ได้ 100 ล้านโดส U- Universal Prevention ให้ประชาชนใช้มาตรการป้องกันตนเองสูงสุด C-COVID Free Setting ร้านค้า/สถานประกอบการใช้มาตรการพื้นที่ปลอดโควิด 19 และ A-ATK ใช้ชุดตรวจคัดกรองเมื่อมีความเสี่ยง เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับคนในประเทศ ช่วยให้ก้าวผ่านวิกฤตโควิด 19 และได้ฉลองปีใหม่อย่างมีความสุข

         สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ขณะนี้ฉีดได้ถึง 85 ล้านโดสแล้ว ตั้งเป้าให้ได้ 100 ล้านโดสในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยให้หน่วยงานฝ่ายปกครองในพื้นที่สำรวจ ติดตามประชาชนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนให้มาฉีดให้มากที่สุด รวมไปถึงแรงงานต่างด้าวทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย แบ่งเป็นเข็ม 1 จำนวน 8 ล้านโดส เข็ม 2 และ เข็ม 3 รวม 5.8 ล้านโดส ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขจะปรับรูปแบบการฉีดวัคซีนให้สะดวกกับประชาชนมากขึ้น เช่น จัดทีมฉีดวัคซีนเชิงรุกให้ผู้สูงอายุ คนติดบ้านติดเตียง จัดสัปดาห์รณรงค์การฉีดวัคซีน เป็นต้น มหาวิทยาลัยและโรงเรียนแพทย์จะสื่อสารทำความเข้าใจและให้ข้อมูลวัคซีนแก่ประชาชนอย่างถูกต้อง ส่วนผู้ประกอบการจะช่วยจัดระบบป้องกันไม่ให้มีการติดและแพร่เชื้อได้ และดูแลให้พนักงานได้รับวัคซีนครบโดส

        “ในส่วนของศบค. มีแนวคิดที่จะส่งเสริมให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามาฉีดวัคซีนมากขึ้น โดยอาจพิจารณาเรื่องการแสดงผลการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส เมื่อทำกิจกรรมต่างๆ ในที่สาธารณะ เพื่อความปลอดภัยและถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึงอาจเพิ่มมาตรการจูงใจต่างๆ ด้วย” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

         นายแพทย์เฉวตสรร กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ประเทศไทยขณะนี้ภาพรวมมีแนวโน้มลดลง แต่ยังพบการติดเชื้อต่อเนื่องบางจุด เช่น เรือนจำ กลุ่มแรงงานประมง แคมป์ก่อสร้าง ค่ายฝึกทหาร สถานประกอบการ ตลาด และการจัดพิธีกรรมทางศาสนา เป็นต้น ซึ่งสถานการณ์ที่มีผู้ติดเชื้อลดลงมีส่วนทำให้ประชาชนคลายความกังวลและไม่ไปรับการฉีดวัคซีน จึงขอย้ำให้ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนรีบมารับการฉีด เพื่อป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตเนื่องจากการใช้ชีวิตประจำวันทั่วไปก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อโควิด 19 ได้ สำหรับประชาชนที่ไม่สะดวกเดินทางมาฉีดวัคซีนที่จุดบริการ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้ได้รับการฉีดเชิงรุก สำหรับพื้นที่ที่มีปรับเปลี่ยนมาตรการ ขอให้สถานประกอบการปฏิบัติตาม และศึกษาแนวทางอย่างเคร่งครัด

         ด้านนายแพทย์อรรถพล กล่าวว่า การขับเคลื่อนแนวทางปฏิบัติมาตรการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านอาหารตามมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (COVID Free Setting) กระทรวงสาธารณสุขถือปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุขฯ (ใบอนุญาตแสดงดนตรี และสถานที่จำหน่ายอาหาร) และพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ และปรับมาตรการเป็นระยะให้สอดคล้องกับสถานการณ์และแผนรองรับการเปิดประเทศ โดยการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 (1-30 พฤศจิกายน 2564) บริโภคได้เฉพาะพื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว ระยะที่ 2 (1-31 ธันวาคม 2564) และระยะที่ 3 (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) บริโภคได้ตามมาตรการที่กำหนด ส่วนสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ขณะนี้ยังไม่เปิดดำเนินการ ขอให้ผู้ประกอบการเตรียมความพร้อมสถานที่ สภาพแวดล้อมตามมาตรการด้านสาธารณสุขและพนักงานผู้ให้บริการ โดยต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม เพื่อสร้างความปลอดภัยทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ

ทั้งนี้ มาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กรหรือ COVID Free Setting มุ่งเน้นการจัดการด้านสภาพแวดล้อม เพื่อให้เกิดความสะอาดและปลอดภัย เช่น เว้นระยะห่าง จำกัดการรับประทานอาหารไม่เกิน 2 ชั่วโมง ระบายอากาศ งดเต้น ตะโกนร้องเพลง ตามมาตรการ CFS และการจัดการด้านผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ ต้องได้รับการฉีดวัคซีนตามเกณฑ์ การตรวจด้วยชุดตรวจ ATK และการป้องกันตนเอง เป็นต้น หากมีการแสดงดนตรี ต้องจัดแยกโซน ทำความสะอาดเครื่องดนตรีทันทีหลังใช้งาน และไม่ควรเกิน 5 คน ไม่ควรเวียนร้านอื่น และลงทะเบียน Thai Save Thai สำหรับร้านที่ให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรจำกัดระยะเวลารับประทานและบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ไม่เกิน 2 ชั่วโมง

 ****************************** 15 พฤศจิกายน 2564

*****************************************

 



   
   


View 341    15/11/2564   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ