ปลัด สธ. สั่งตั้งศูนย์ EOC รับมือ "อหิวาต์" พร้อมให้การสนับสนุนทีมช่วย "เมียนมา" ควบคุมป้องกันโรค เข้มเฝ้าระวังจุดเสี่ยงในไทย
- สำนักสารนิเทศ
- 216 View
- อ่านต่อ
กระทรวงสาธารณสุขเผยปีนี้จัดหาวัคซีนโควิด 19 ได้แล้ว 124 ล้านโดส ศักยภาพในการฉีดเป็นไปตามเป้าหมาย มั่นใจภายในสิ้นปีนี้ครอบคลุมประชากรร้อยละ 70 เมื่อร่วมกับการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันในองค์กรและมาตรการป้องกันตนเองขั้นสูงสุดของประชาชน สถานการณ์จะดีขึ้นสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติตามวิถีใหม่ได้อย่างปลอดภัย
วันนี้ (28 สิงหาคม 2564) ที่ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์ และการบริหารจัดการวัคซีนโควิด 19 ว่า สถานการณ์โควิด 19 ของไทยขณะนี้มีแนวโน้มชะลอตัวลง แต่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังถือว่าอยู่ในระดับสูง ในวันนี้มีผู้ติดเชื้อ 17,984 ราย หายป่วย 20,534 ราย เสียชีวิต 292 ราย แม้ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีผู้ป่วยที่รักษาหายมากกว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ แต่ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด 19 ถึงวันที่ 27 สิงหาคม 2564 ฉีดวัคซีนสะสม 30,420,507 โดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 22,617,701 โดส คิดเป็นร้อยละ 31.4 ของประชากร เข็มที่ 2 จำนวน 7,221,368 โดส เข็มที่ 3 จำนวน 581,438 โดส โดยกระทรวงสาธารณสุขจัดหาวัคซีนรวมแล้ว 124 ล้านโดส ได้แก่ ซิโนแวค 31.5 ล้านโดส แอสตราเซนเนก้า 61 ล้านโดส จะส่งมอบเดือนตุลาคม - ธันวาคม เดือนละ 10-13 ล้านโดส และไฟเซอร์อีก 31.5 ล้านโดส จะเข้ามาตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน ประมาณ 2 ล้านโดส และทยอยส่งมอบจนครบภายในสิ้นปี 2564 นอกจากนี้ ยังมีวัคซีนที่นำเข้าโดยหน่วยงานอื่น ได้แก่ วัคซีนซิโนฟาร์ม โดยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ 11 ล้านโดส และวัคซีนโมเดอร์นา ของโรงพยาบาลเอกชนที่นำเข้าผ่านองค์การเภสัชกรรม ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาในไตรมาส 4 ปีนี้ โดยเมื่อวานนี้ฉีดวัคซีนได้ถึง 915,738 โดส เชื่อว่าสิ้นปีนี้ จะสามารถฉีดได้ครอบคลุมประชาชนมากกว่า ร้อยละ 70 ตามเป้าหมายสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ โดยหลังจากฉีดกลุ่ม 608 ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง และ หญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปครอบคลุมแล้ว จะขยายไปยังกลุ่มประชาชนทั่วไป และเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ซึ่งมีข้อมูลว่าฉีดวัคซีนไฟเซอร์ได้ปลอดภัย
สำหรับแนวทางในการควบคุมโรคจะเน้นลดจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต มีการผ่อนคลายเป็นลำดับขั้น ให้ประชาชนใช้ชีวิตแนวใหม่ได้อย่างปลอดภัย โดยพิจารณาจากสถานการณ์การแพร่ระบาด ความครอบคลุมของการให้วัคซีน และการดำเนินการตามมาตรการป้องกันในระดับองค์กร/หน่วยงาน เช่น การทำ Bubble and Seal ในโรงงาน มีการตรวจคัดกรองพนักงานด้วย ATK เป็นประจำ รวมถึงมาตรการป้องกันส่วนบุคคลอย่างเข้มข้น (Universal Prevention) หรือการป้องกันตนเองขั้นสูงสุด คือ คิดเสมอว่าทุกคนอาจติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว และไม่มีอาการ จึงต้องป้องกันตัวเองกับทุกคนตลอดเวลา โดยมีข้อปฏิบัติ ดังนี้ ออกจากบ้านเมื่อจำเป็น / เว้นระยะห่างจากคนอื่น / สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา /ล้างมือบ่อย ๆ /หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัส หน้ากากอนามัย / เลี่ยงการออกนอกบ้านเว้นแต่จำเป็น / ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวที่ถูกสัมผัสบ่อยๆ / แยกของใช้ส่วนตัวทุกชนิด /เลือกทานอาหารที่ร้อนหรือปรุงสุกใหม่ /และหากสงสัยว่ามีความเสี่ยง ควรรับการตรวจด้วย ATK ทั้งนี้ หากสามารถฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมาย ร่วมกับการที่ประชาชนอดทนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองขั้นสูงสุด มั่นใจว่าสถานการณ์จะดีขึ้นและประชาชนจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติตามวิถีใหม่ได้อย่างปลอดภัย
*********************************** 28 สิงหาคม 2564