สธ. รณรงค์สร้างค่านิยมคนไทยที่เป็นไข้หวัด วัณโรค ปอดบวม คาดหน้ากากอนามัย+ล้างมือ เป็นแฟชั่นใหม่สังคมไทย ป้องกันโรค

กระทรวงสาธารณสุข รณรงค์เร่งสร้างค่านิยมคนไทยคาดหน้ากากอนามัยและล้างมือ ให้เป็นแฟชั่นใหม่ในสังคมไทยเพื่อป้องกันโรค โดยให้บุคลากรในโรงพยาบาลและผู้ที่ป่วยโรคทางเดินหาย เช่น วัณโรค ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม เริ่มต้นเป็นตัวอย่าง และจัดสัปดาห์รณรงค์ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ 100 แห่งพร้อมกัน ในวันที่ 23-29 มิถุนายน 2551 ซึ่งจะสามารถลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ ร้อยละ 80 เผยในรอบ 5 เดือนของปี 2551 ไทยพบผู้ป่วยโรคติดต่อทางเดินหายใจกว่า 60,000 ราย วันนี้ (12 มิถุนายน 2551) ที่กระทรวงสาธารณสุข นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ และนายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ ประธานกรรมการทุนวิจัยวัณโรคดื้อยา ศิริราชมูลนิธิ ร่วมกันแถลงข่าว การรณรงค์ใช้หน้ากากอนามัยลดปัจจัยเสี่ยงของโรคติดต่อทางเดินหายใจ รวมทั้งโรคติดต่ออุบัติใหม่ต่างๆ นายไชยา กล่าวว่า ในวันที่ 23-29 มิถุนายน 2551 นี้ กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับทุนวิจัยวัณโรคดื้อยา ศิริราชมูลนิธิในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ จัดสัปดาห์รณรงค์การใช้หน้ากากอนามัยควบคู่กับการล้างมือในโรงพยาบาลที่อยู่ในสังกัด ทั้งกทม.และภูมิภาค 100 แห่ง เพื่อส่งเสริมให้บุคลากรสาธารณสุขและประชาชนที่ป่วยด้วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ มีค่านิยมในการสวมหน้ากากอนามัยให้เป็นแฟชั่นใหม่ในสังคมไทย เพื่อป้องกันและลดการแพร่เชื้อโรคสู่คนอื่น และป้องกันการติดเชื้อ ที่สำคัญเป็นการเตรียมประชาชนให้มีพฤติกรรรมพร้อมป้องกันโรคติดต่อทางเดินหายใจต่างๆ รวมถึงโรคอุบัติใหม่ เช่น โรคไข้หวัดนกและโรคซาร์ส และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ทรงให้ความสำคัญและส่งเสริมให้ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ ใช้หน้ากากอนามัยมาโดยตลอด โรคติดต่อทางเดินหายใจที่สำคัญและเป็นปัญหาของประเทศไทยขณะนี้ ได้แก่ วัณโรค ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม ซึ่งติดต่อกันทางการไอจาม และการสัมผัสน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย ดังนั้นการสวมหน้ากากอนามัยควบคู่ไปกับการล้างมือบ่อยๆ จึงเป็นวิธีป้องกันโรคที่ได้ผลดี ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยพบว่าการใส่หน้ากากอนามัยคู่ไปกับการล้างมือ สามารถลดการแพร่กระจายเชื้อได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมุ่งหวังให้โรงพยาบาลทุกแห่ง ยึดเป็นแนวปฏิบัติสำหรับบุคลากรที่ปฏิบัติงานกับผู้ป่วยทุกคน ให้มีการคาดหน้ากากอนามัยและล้างมือทุกครั้งก่อนและหลังให้การพยาบาลดูแลผู้ป่วย ทั้งนี้จากการวิเคราะห์สถานการณ์โรคติดต่อทางเดินหายใจของประเทศไทย ในปี 2551 ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม พบผู้ป่วยโรคติดต่อทางเดินหายใจ 62,507 ราย เสียชีวิต 332 ราย แบ่งเป็น วัณโรคจำนวน 12,097 ราย เสียชีวิต 42 ราย กลุ่มที่มีความเสี่ยงติดโรคนี้ง่ายคือ ผู้ป่วยเอชไอวี และผู้ป่วยเบาหวาน ที่สำคัญขณะนี้ยังมีปัญญาเชื้อวัณโรคดื้อยาด้วย ส่วนผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่มี 5,163 ราย เสียชีวิต 2 ราย และโรคปอดบวม 45,247 ราย เสียชีวิต 288 ราย ซึ่งโรคปอดบวมนี้เป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี สำหรับการรณรงค์การใช้หน้ากากอนามัยในโรงพยาบาล เพื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจมีทัศนคติที่ดีต่อการสวมหน้ากากอนามัยและปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง จะมีผลดีหลายอย่างคือ สามารถลดการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นที่มารับบริการในสถานพยาบาล เจ้าหน้าที่ ผู้ที่มาเยี่ยมผู้ป่วยและบุคคลในครอบครัวด้วย จากการดำเนินโครงการตั้งแต่ปี 2550 พบว่าบุคลากร มีพฤติกรรมการใช้หน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 50 เป็นร้อยละ 96 ส่วนผู้ป่วยใช้เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 80 ผู้ป่วยร้อยละ 86 เห็นว่าหน้ากากอนามัยช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคได้ แต่ยังมีผู้ป่วยอีกร้อยละ 20 เห็นว่าการสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะเป็นเรื่องน่าอาย การรณรงค์ดังกล่าวจะจัดพร้อมกันในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปทั่วประเทศ สถาบันบำราศนราดูร สถาบันโรคทรวงอก และโรงพยาบาลราชวิถี รวมทั้งหมด 100 แห่ง โดยกรมควบคุมโรคจะสนับสนุนงบประมาณสำหรับการแจกหน้ากากอนามัยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จำนวน 1,458,500 ชิ้น เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ จำนวน 4,020 ขวด และสื่อต่างๆ เพื่อใช้ในการรณรงค์ ไปยังโรงพยาบาลทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการ พร้อมกันนี้ได้เตรียมจัดกิจกรรมรณรงค์ในชุมชนด้วย โดยจะประเมินผลกพฤติกรรมการใช้หน้ากากอนามัยและการล้างมือในเดือนกันยายน 2551 นี้ โดยพิธีเปิดรณรงค์ที่โรงพยาบาลราชวิถี ในวันที่ 23 มิถุนายน 2551 จะมีนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับหน้ากากอนามัยและการล้างมือ รวมถึงโรคติดเชื้อทางเดินหายใจต่างๆ การสาธิตวิธีการใช้หน้ากากอนามัยและการล้างมือที่ถูกต้อง การประกวดออกแบบหน้ากากอนามัยให้ดูเก๋ไก๋เหมือนเป็นแฟชั่นสร้างสีสันบนใบหน้า เล่นเกมและรับของรางวัล โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ************************** 12 มิถุนายน 2551