สธ. เตรียมพร้อมร่วมซ้อมแผนรับภัยสาธารณสุขฉุกเฉินระหว่างประเทศ กับองค์การอนามัยโลก

กระทรวงสาธารณสุข เตรียมเข้าร่วมการฝึกซ้อมรับมือภัยสาธารณสุขฉุกเฉินระหว่างประเทศ เชื่อมโยงกับองค์การอนามัยโลก ในช่วงเดือนมิถุนายน 2551 นี้ และจะนำประสบการณ์มาปรับการฝึกซ้อมแผนความพร้อมของประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น บ่ายวันนี้ (6 มิถุนายน 2551) ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และดร.มัวรีน เบอร์มิ่งแฮม (Dr. Maureen Birmingham) รักษาการผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย ร่วมกันแถลงข่าว การเตรียมการเข้าร่วมการฝึกซ้อมรับภัยสาธารณสุขฉุกเฉินระหว่างประเทศ (Public Health Security Exercise : PHSX) ร่วมกับองค์การอนามัยโลก นายไชยา กล่าวว่า ตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2548 ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2550 เป็นต้นมา กำหนดให้ประเทศสมาชิก 193 ประเทศทั่วโลก รายงานภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศและการดำเนินงานของประเทศต่อองค์การอนามัยโลก ซึ่งเป็นศูนย์กลางประสานการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคระหว่างประเทศ โดยองค์การอนามัยโลกได้จัดการฝึกซ้อมแผนการจัดการภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อเดือนมิถุนายน 2550 ที่ผ่านมา และมีการปรับปรุงกลไก แผนการดำเนินงานมาระยะหนึ่ง สำหรับในเดือนมิถุนายนปีนี้ องค์การอนามัยโลกจะจัดฝึกซ้อมแผนครั้งที่ 2 เพื่อซักซ้อมกลไก ขั้นตอนการดำเนินงานและระบบการติดต่อสื่อสาร ในการจัดการเหตุการณ์ฉุกเฉินทางสาธารณสุขที่อาจเป็นภัยคุกคามระหว่างประเทศ ตามแนวทางกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2548 ระหว่างองค์การอนามัยโลกสำนักงานใหญ่ สำนักงานภูมิภาค และประเทศสมาชิกบางประเทศ ผ่านระบบการสื่อสารเป็นหลัก ไม่มีการประชุมหรือเคลื่อนย้ายกำลัง เน้นเนื้อหา 4 เรื่อง คือ การตอบสนองต่อเหตุการณ์ การวิเคราะห์เหตุการณ์ การรายงานและการประสานงาน โดยในครั้งนี้ได้เชิญให้กระทรวงสาธารณสุขไทยร่วมฝึกซ้อมด้วย เนื่องจากมีประสบการณ์ในการฝึกซ้อมแผนรับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขมาก่อน และประเทศไทยยังเป็นที่ตั้งของศูนย์เตรียมความพร้อมรับภัยพิบัติอาเซียน (Asian Disaster Preparedness Center) ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขยินดีให้ความร่วมมือในการซ้อมแผนครั้งนี้เต็มที่ “ประเด็นสำคัญที่ต้องขอย้ำให้สาธารณชนทราบ เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนก ก็คือ ในระหว่างการฝึกซ้อมแผน ซึ่งจะใช้เวลา 2 วันนั้น ข่าวสารที่อาจมีการเผยแพร่จากองค์การอนามัยโลกหรือกระทรวงสาธารณสุข ที่ขึ้นต้นและลงท้ายด้วยคำว่า “ซ้อมแผน,ซ้อมแผน” (Exercise, Exercise) เป็นส่วนหนึ่งของการซ้อมแผนเพื่อเตรียมความพร้อมเท่านั้น ไม่ได้เป็นเหตุการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขจริง” นายไชยา กล่าว นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า หลักการสำคัญของกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2548 มุ่งเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมและแก้ไขปัญหาภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข ซึ่งรวมถึงโรคระบาดระหว่างประเทศ โดยมิให้เกิดผลกระทบทางด้านการค้าและการขนส่ง และกระตุ้นส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนสถานการณ์โรค เพื่อการเตือนภัยและแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศได้อย่างทันท่วงที กฎอนามัยดังกล่าวนี้ สามารถประยุกต์ใช้ในกรณีที่เกิดภัยพิบัติอื่นๆ ด้วย เช่น การรั่วไหลของสารเคมี สารนิวเคลียร์ เป็นต้น นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เพื่อให้การฝึกซ้อมแผนร่วมกับองค์การ อนามัยโลกครั้งนี้ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้นายแพทย์ศิริศักดิ์ วรินทราวาท รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นประธานเตรียมความพร้อมบุคลากรและหน่วยงานสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง ให้มีระบบสั่งการ วิธีปฏิบัติในการจัดการเหตุการณ์ฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศที่ชัดเจน โดยจะนำประสบการณ์ที่ได้จากการซ้อมครั้งนี้ มาปรับใช้ในการดำเนินงานตอบโต้ภาวะเหตุการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของประเทศ ให้มีประสิทธิภาพต่อไป ด้านนายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การฝึกซ้อมแผนครั้งนี้เป็นปฏิบัติการตอบสนองต่อสถานการณ์ สมมุติว่ามีเชื้อโรคชนิดหนึ่งเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ประเทศที่เกิดเหตุการณ์จะดำเนินการตรวจสอบ ประเมิน ควบคุม แก้ไขสถานการณ์ และแจ้งให้องค์การอนามัยโลกทราบ ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก ได้ตั้งคณะกรรมการประเมินผลการฝึกซ้อม 1 ชุด ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญจากภูมิภาคเอเชีย อเมริกาเหนือ ยุโรป และอาฟริกา เพื่อประเมินและพัฒนาระบบการตอบสนองให้เข้มแข็งเพิ่มขึ้น ดร.มัวรีน เบอร์มิ่งแฮม รักษาการผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกต้องทดสอบเชิงรุก ด้านความสามารถในการตอบรับสถานการณ์สาธารณสุขฉุกเฉิน ซึ่งเป็นที่ตระหนักระดับนานาชาติ ตามกฎอนามัยระหว่างประเทศใหม่ ซึ่งการซ้อมลักษณะนี้ เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการทดสอบความสามารถดังกล่าว รวมทั้งเป็นการแสดงความพร้อมของเรา ในการรับมือกับเหตุการณ์สำคัญทางด้านสาธารณสุขสากล และภาระผูกพัน ทำให้มั่นใจว่าเราสามารถใช้กฎอนามัยระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ตามที่กำหนด มิถุนายน ********************************* 6 มิถุนายน 2551