กระทรวงสาธารณสุข เผยสาเหตุการติดเชื้อโควิด 19 ร้อยละ 76 มาจากคนในครอบครัว เพื่อน เพื่อนร่วมงาน และผู้ดูแลผู้ป่วย เน้นย้ำการอยู่ใกล้ชิดกับคนในครอบครัว ต้องมีระยะห่าง สวมหน้ากากป้องกัน หากรู้ว่าติดเชื้อเร็วเข้าสู่ระบบการรักษาเร็ว ทำให้อาการรุนแรงลดลง และลดการสูญเสียการเสียชีวิตได้

          บ่ายวันนี้ (1 พฤษภาคม 2564) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค แถลงว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,891 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังในโรงพยาบาล 1,799 ราย คัดกรองเชิงรุกในชุมชน 85 ราย จากต่างประเทศ 7 ราย รักษาหายเพิ่ม 1,821 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 28,745 ราย อาการหนัก 829 ราย ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ 270 ราย และมีผู้เสียชีวิตวันนี้ 21 ราย เป็นชาย 9 ราย หญิง 12 ราย อายุระหว่าง 39-90 ปี อยู่ใน กทม. 10 ราย ชลบุรี สมุทรปราการ จังหวัดละ 2 ราย อุบลราชธานี กาฬสินธุ์ นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ เชียงราย ปทุมธานี เพชรบุรี จังหวัดละ 1 ราย ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ ไขมันในเลือดสูง หลอดเลือดสมอง ภาวะอ้วน โรคปอดเรื้อรัง ไตเรื้อรัง และติดบ้านติดเตียง ปัจจัยเสี่ยงสำคัญในการติดเชื้อของผู้เสียชีวิตถึงร้อยละ 76 มาจากการสัมผัสคนในครอบครัว เพื่อน เพื่อนร่วมงาน สัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ และผู้ดูแลผู้ป่วยติดเตียง ส่วนประเด็นสำคัญที่จะส่งผลต่อการรักษา คือจำนวนวันที่ทราบผลการติดเชื้อ หากทราบว่าติดเชื้อเร็ว นำเข้าสู่ระบบการรักษาเร็ว จะส่งผลให้อาการรุนแรงลดลง ลดการเสียชีวิต

          ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า กทม.และปริมณฑลยังพบผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกทม. 4 สัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า การกระจายตัวของผู้ป่วยติดเชื้ออยู่ทุกเขต บางเขตพบสูง สำหรับต่างจังหวัดยังพบจังหวัดที่มีการระบาดเป็นกลุ่มก้อนอีก 21 จังหวัด ต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง มีภาคกลาง 7 จังหวัด ภาคตะวันออก 4 จังหวัด ภาคเหนือ 2 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด และภาคใต้ 6 จังหวัด สาเหตุของการติดเชื้อในระบบการรายงานประเภทผู้ป่วย/ผู้ติดเชื้อในระลอกเม.ย. ในรายสัปดาห์ที่ 14-17 ปี 2564 (ข้อมูล ณ วันที่ 1 พ.ค.2564) พบว่า ผู้ป่วยจากระบบบริการ/เฝ้าระวัง สะสม 31,850 ราย สำหรับรายงานการค้นหาเชิงรุกสะสม 6,133 ราย คิดเป็นร้อยละ 16.10 ซึ่งน้อยลง ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้มารับบริการในสถานพยาบาลพบการติดเชื้อที่มีปัจจัยเสี่ยง เป็นผู้ติดเชื้อมาจากสัมผัสในครอบครัว และเพื่อน หรือเพื่อนร่วมงานที่ทำกิจกรรมร่วมกัน โดยไม่ทราบว่าเขาติดเชื้อถึงร้อยละ 54 ทำให้มีผู้ป่วยและผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเพิ่มจำนวนมากขึ้น

         อย่างไรก็ตาม แนวทางในปัจจุบันเมื่อเราเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงต้องกักตัว 14 วัน ตรวจหาเชื้อ 2 ครั้ง ไม่เดินทางไปไหน กักตัวอยู่ที่บ้าน และสังเกตอาการตนเอง หากมีไข้ เจ็บคอ ลิ้นไม่รับรส จมูกไม่ได้กลิ่นให้รีบประสานศูนย์แรกรับเพื่อเข้ารับการรักษาใน รพ.สนาม/Hospitel หรือรพ. สำหรับผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และต้องมีการป้องกันตัวเอง ดังนั้น การอยู่ใกล้ชิดกับคนในครอบครัว ต้องมีระยะห่าง และป้องกันตัวเอง เพราะไม่ทราบว่ามีคนในครอบครัวติดเชื้อหรือไม่

          สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ขณะนี้ฉีดสะสมแล้ว 1,477,078 โดส แบ่งเป็นรับวัคซีนเข็มแรก 1,095,230 ราย และครบ 2 เข็ม 381,848 ราย โดยในวันที่ 30 เมษายน 2564 มีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนสะสมแล้ว 65,464 โดส แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 19,474 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 45,990 ราย ซึ่งในขณะนี้เร่งฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้าที่มีการสัมผัสกับผู้ป่วย ทุกสังกัด และสำหรับวัคซีนที่จะฉีดให้กลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ป่วยเรื้อรัง 7 โรคนั้น จะเริ่มฉีดให้เดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้

 ************************************ 1 พฤษภาคม 2564

****************************************



   
   


View 2919    01/05/2564   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ