กระทรวงสาธารณสุข เผยสถานการณ์โควิด 19 แนวโน้มดีขึ้น หายป่วยกลับบ้านแล้วร้อยละ 96 เหลือนอนรักษาในรพ.เพียงร้อยละ 3 ย้ำประชาชนสวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือ แม้จะเริ่มฉีดวัคซีนแล้วยังเป็นการฉีดในบางพื้นที่ ชี้วัคซีนโควิด 19 ปลอดภัย ฉีดวัคซีนวันนี้วันแรกที่สถาบันบำราศนราดูรและโรงพยาบาลสมุทรสาคร รวมกว่า 200 คน ไม่พบอาการไม่พึงประสงค์ วัคซีนส่งถึงโรงพยาบาลแล้ว 11 จังหวัด รวม 110,000 โดส

          บ่ายวันนี้ (28 กุมภาพันธ์ 2564) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด 19 ของประเทศไทย ว่า วันนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 70 ราย จากระบบเฝ้าระวังในโรงพยาบาล 43 ราย ค้นหาเชิงรุกในชุมชน 19 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 8 ราย รักษาหายเพิ่มขึ้น 106 ราย ยอดสะสมผู้ติดเชื้อ 25,951 ราย เสียชีวิตสะสม 83 ราย สำหรับผู้ติดเชื้อสะสมระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 15  ธันวาคม 2563 - 28 กุมภาพันธ์ 2564 มีจำนวน 21,714 ราย หายป่วยสะสม 20,951 ราย คิดเป็นร้อยละ 96.49 ยังอยู่ระหว่างการรักษา 740 ราย คิดเป็นร้อยละ 3.41 เสียชีวิตสะสม 23 ราย โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ใน 4 จังหวัด ได้แก่ จ.สมุทรสาคร ปทุมธานี นครปฐม และชลบุรี แนวโน้มสถานการณ์ดีขึ้น สอดคล้องกับที่ ศบค.ได้ดำเนินการผ่อนคลายมาตรการ

         นายแพทย์โอภาสกล่าวต่อว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ประเทศไทยเริ่มต้นฉีดวัคซีนโควิด 19 ในจำนวนไม่มากนัก ถือเป็นการทดสอบระบบการจัดบริการ โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้มาเปิดกิจกรรมและตรวจเยี่ยมการจัดบริการที่สถาบันบำราศนราดูร และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้รับการฉีดเข็มแรกของประเทศ เป็นวัคซีนของบริษัทซิโนแวค ประเทศจีน ซึ่งยังมีข้อจำกัดเรื่องผลการวิจัยในผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปี คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค จึงยังไม่แนะนำให้ท่านนายกรัฐมนตรีรับการฉีดเข็มแรก แม้จะเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จำเป็นต้องฉีดก็ตาม ภายหลังการตรวจเยี่ยมนายกรัฐมนตรีได้ย้ำเตือนถึงมาตรการที่ต้องดำเนินการ รวมทั้งความปลอดภัยของวัคซีน และให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนอย่างครบถ้วน สำหรับที่จังหวัดสมุทรสาคร ได้เริ่มต้นฉีดวัคซีนเป็นวันแรกเช่นกัน โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ไปตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร แม้แนวโน้มสถานการณ์ดีขึ้น ยังคงเข้มระบบการติดตามเฝ้าระวังการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในจุดเสี่ยงต่างๆ ควบคู่ไปกับการฉีดวัคซีน และขอให้ประชาชนยังคงใส่หน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง การล้างมือบ่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง

         นายแพทย์โอภาสกล่าวต่อว่า ข้อมูลการฉีดวัคซีนวันนี้ (28 กุมภาพันธ์ 2564) จนถึง 12.00 น. ที่สถาบันบําราศนราดูรฉีดวัคซีนแล้ว 95 คน ที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร 159 คน ไม่มีรายงานพบผลข้างเคียงรุนแรงหลังจากได้รับวัคซีน สร้างความมั่นใจได้ว่าวัคซีนมีความปลอดภัย สำหรับการกระจายวัคซีน 200,000 โดสแรกจะกระจายไป 13 จังหวัด ขณะนี้วัคซีนส่งถึงโรงพยาบาลแล้ว 11 จังหวัด รวม 110,000 โดส โดยส่งเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ รวม 30,760 โดส แบ่งเป็น จ.นนทบุรี 6,000 โดส, สมุทรสาคร 20,040 โดส, ชลบุรี 4,720 โดส สำหรับในวันนี้ส่งให้โรงพยาบาลอีก 2 แห่งในจ.สมุทรสาคร 15,040 โดส ปทุมธานี 8,000 โดส, สมุทรปราการ ส่งให้โรงพยาบาล 2 แห่ง 6,000 โดส, กรุงเทพฯ ใน 16 โรงพยาบาล รวม 33,600 โดส, ตาก (แม่สอด) 5,000 โดส, นครปฐม 3,560 โดส, สมุทรสงคราม 2,000 โดส, ราชบุรี 2,520 โดส, เชียงใหม่ 3,520 โดส ยอดรวมวันนี้ 79,240 โดส ในวันพรุ่งนี้จะส่งให้ จ.ภูเก็ต และจ.สุราษฎรธานี (เกาะสมุย) และในเดือนมีนาคมวัคซีนจะมาถึงอีก 800,000 โดส จะเร่งกระจายครอบคลุมให้กับจังหวัดมากขึ้น รวมถึงฉีดให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมขึ้น    

          “การดำเนินการจัดฉีดวัคซีนให้ประชาชน จะมีคณะกรรมการด้านการแพทย์และสาธารณสุข เป็นผู้พิจารณากำหนดและจัดลำดับกลุ่มเป้าหมายที่จะต้องได้รับวัคซีน ขอย้ำว่าประชาชนทุกคนที่มีความต้องการจะฉีดวัคซีนจะได้รับวัคซีนโดยไม่คิดมูลค่า เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะฉีดวัคซีนที่ขณะนี้เตรียมไว้ 63 ล้านโดสให้เสร็จสิ้นภายในปี 2564 และจะจัดหาวัคซีนมาฉีดเพิ่มเติมให้ครอบคลุม สำหรับจังหวัดต่างๆ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดจะเป็นผู้ดำเนินการกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการฉีด ไม่มีการแอบอ้างหรือเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ เพื่อป้องกันมิจฉาชีพใช้โอกาสนี้ทำผิดกฎหมาย” นายแพทย์โอภาสกล่าว

  ********************************  28 กุมภาพันธ์ 2564

********************************************



   
   


View 907    28/02/2564   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ