กระทรวงสาธารณสุข พบผู้ติดเชื้อโควิด 19 ในประเทศเพิ่ม 1 ราย เป็นทูตฮังการี สัมผัสใกล้ชิดกับรัฐมนตรีที่ติดเชื้อก่อนหน้านี้ ขณะนี้รักษาในสถาบันบำราศนราดูร ไม่มีอาการ ส่วนผู้สัมผัสอื่นๆ ให้ผลเป็นลบ และอยู่ในระบบการกักกัน ขณะที่ครอบครัวของชายอินเดีย จังหวัดกระบี่ ผลเป็นลบทั้งหมด คาดว่า 4-5 วัน เข้าสู่ระยะปลอดภัย ส่วนวัคซีนโควิด 19 ของบริษัทไฟเซอร์ ยังต้องติดตามเรื่องความปลอดภัย มีนัดหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนนี้

          วันนี้ (10 พฤศจิกายน 2563) ที่กรมควบคุมโรค จ.นนทบุรี  นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป และนายแพทย์นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าการติดตามผู้สัมผัสกรณีอินเดียและฮังการี รวมถึงวัคซีนโควิด 19

           นายแพทย์โอภาสกล่าวว่า กรณีชายชาวอินเดีย อายุ 37 ปี บนเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ติดเชื้อโควิด 19 ไม่มีอาการ โดยพบเชื้อปริมาณน้อย และตรวจพบภูมิคุ้มกัน IgG ขึ้น แสดงว่ามีการติดเชื้อมานานหลายเดือน ได้ติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงโดยเฉพาะครอบครัวเดียวกัน ได้แก่ ภรรยา น้องชาย น้องสะใภ้ และหลานสาว ผลตรวจ RT-PCR ให้ผลเป็นลบทั้ง 4 ราย โดยภรรยา น้องชาย และน้องสะใภ้ ผลตรวจภูมิคุ้มกัน IgG ขึ้นเช่นกัน แปลว่าทั้ง 3 รายนี้น่าจะติดเชื้อมานานหลายเดือน ถือว่าไม่สามารถแพร่กระจายเชื้อคนอื่นได้ และอยู่ในระบบกักกันโรคจนครบ 14 วัน สำหรับผู้สัมผัสที่เหลือในจังหวัดกระบี่ สุโขทัย ภูเก็ต และเชียงใหม่ เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 79 ราย และ สัมผัสเสี่ยงต่ำ 283 ราย  ติดตามได้เกือบทุกราย ไม่พบรายใดมีการติดเชื้อเพิ่มเติม ทั้งนี้ จากการหารือกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ ทราบว่า ประชาชนกระบี่มีการใส่หน้ากากเพิ่มขึ้นจาก 60-70 เปอร์เซ็นต์ เป็น 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ และไม่ได้ตื่นตระหนก ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ และทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม (Under Control) หากเป็นเช่นนี้ 4-5 วัน จะเข้าสู่ระยะปลอดภัย

          นายแพทย์โสภณกล่าวว่า สำหรับผู้ติดเชื้อในประเทศรายใหม่เป็นชาย สัญชาติฮังการี อายุ 53 ปี อาชีพนักการทูต อาศัยอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 2 ปี ได้ไปรับรัฐมนตรีของประเทศฮังการี ที่เดินทางมาประเทศไทยเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 ได้เข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐกำหนด (ASQ) ผลตรวจเจอเชื้อแต่ไม่มีอาการ และได้เดินทางกลับประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัวแล้ว เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ทั้งนี้ หลังพบการติดเชื้อ ผู้สัมผัสทั้งหมดรวมถึงผู้ติดเชื้อรายใหม่นี้ได้เข้ารับการกักกันทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย  ทั้งในที่พักตนเองและที่กักตัวที่กำหนด มีการตรวจหาเชื้อตามมาตรการการเฝ้าระวังและตรวจคัดกรองผู้สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ โดยผลตรวจ RT-PCR ครั้งแรก 17 คนให้ผลเป็นลบไม่พบเชื้อ แต่พบเชื้อ 1 คน คือ ท่านทูตรายนี้ โดยผลออกเป็นบวกเมื่อคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน แต่ไม่มีอาการ จึงส่งเข้าไปรับการรักษาที่สถาบันบำราศนาดูร และไม่มีผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อรายนี้เพิ่มเติม เนื่องจากอยู่ในสถานที่กักกันตลอด

          ด้านนายแพทย์นครกล่าวว่า ส่วนกรณีบริษัท ไฟเซอร์ ประกาศผลการวิเคราะห์เบื้องต้นของการทดสอบวัคซีนโควิด 19 ในคนมีประสิทธิผลป้องกันได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเป็นความหวังที่จะมีวัคซีนใช้ในระยะเวลาอันใกล้ โดยวัคซีนดังกล่าวเป็นรูปแบบ mRNA ซึ่งประเทศไทยมีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กำลังพัฒนาวัคซีนรูปแบบเดียวกันนี้ ก็เป็นความหวังที่จะพัฒนาต่อ และสามารถนำผลการทดสอบในมนุษย์มาเปรียบเทียบกันได้ นอกจากนี้ ยังพบว่ามีความปลอดภัยสูง แต่ยังต้องติดตามผลการทดสอบต่อไป เนื่องจากยังทดสอบในอาสาสมัครเพียง 3.8 หมื่นกว่าคน จาก 4.3 หมื่นกว่าคน  และต้องดูประสิทธิผลการป้องกันในระยะยาวว่า ภูมิคุ้มกันจะอยู่ได้นานเท่าไร และต้องฉีดกระตุ้นเพิ่มเติมหรือไม่ รวมทั้งภูมิคุ้มกันตัวไหนที่เป็นตัวกำหนดการป้องกันโควิด 19 โดยประเทศไทยจะมีการหารือกับบริษัทนี้ในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนพฤศจิกายน โดยเป็นการเจรจาขอข้อมูลระหว่างกันเพื่อตัดสินใจในเชิงนโยบายต่อไป มีการนัดหมายตั้งแต่ยังไม่ทราบผลการทดสอบในมนุษย์ สำหรับการเตรียมบริการวัคซีนโควิด 19 ประเทศไทยมีแผนเตรียมวัคซีนให้แก่คนไทย 50 เปอร์เซ็นต์ของประชากร โดยกลุ่มแรกที่จะให้วัคซีนน่าจะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่ให้บริการเกี่ยวกับโรคโควิด 19 ส่วนประชากรกลุ่มอื่น จะพิจารณาจากข้อมูล เช่น อัตราการป่วย อัตราการเสียชีวิต กลุ่มใดที่อ่อนแอเสี่ยงเสียชีวิต คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2563 ก่อนจะเสนอคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ การให้บริการขึ้นกับจำนวนวัคซีนที่จัดหา

********************************10 พฤศจิกายน 2563



   
   


View 3490    10/11/2563   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ