กระทรวงสาธารณสุข ย้ำผู้ประกอบการกิจการ/ร้านค้า ลงทะเบียนแพลตฟอร์มไทยชนะ ประชาชนเช็คอิน- เช็คเอาท์ และประเมินมาตรการเมื่อใช้บริการ ป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 ระลอก 2

          วันนี้ (23 กันยายน 2563) ที่ศูนย์ปฏิบัติการด้านข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี พญ.ศศิธร ตั้งสวัสดิ์ ผู้อำนวยการกองสำนักโรคไม่ติดต่อ แถลงข่าว “แพลตฟอร์มไทยชนะ” ว่า ภาครัฐได้นำแพลตฟอร์มไทยชนะมาใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันและลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายโรคโควิด 19 ตั้งแต่ประมาณเดือนพฤษภาคม 2563 เพื่อให้การปฏิบัติตามมาตรการผ่อนคลายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ร้านค้า/สถานประกอบการปฏิบัติตามมาตรการหลักในการป้องกันโรคคือ การสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ ดูแลความสะอาด การเว้นระยะห่าง โดยให้ประชาชนประเมินการปฏิบัติของผู้ประกอบการ โดยข้อมูลจะส่งต่อให้ศูนย์ปฏิบัติการจังหวัด/อำเภอ ใช้ในการวางแผนการตรวจประเมินและให้คำแนะนำร้านค้า  เจ้าหน้าที่สามารถบันทึกผลออนไลน์ สะดวกในการวิเคราะห์และรายงานผล นอกจากนี้ การลงทะเบียนในแพลตฟอร์มจะมีประโยชน์ในการสอบสวนโรคเมื่อมีผู้ที่ติดเชื้อในสถานที่นั้นๆ จะสามารถตรวจสอบว่าหาผู้ที่มีความเสี่ยงเข้าข่ายการสืบสวนโรคจากข้อมูลการเช็คอิน - เช็คเอาท์ จำกัดเป้าหมายให้แคบลง ทำให้การสอบสวนโรคทำได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว

          สำหรับผู้ประกอบกิจการ/ ร้านค้า ขอให้ลงทะเบียนเข้าร่วมประเมินตนเอง ทาง www.ไทยชนะ.com  ตามประเภทกิจการซึ่งมี 22 กลุ่ม และยืนยันการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่กำหนด ระบุความหนาแน่น เพื่อรับคิวอาร์โค้ดของกิจการ/ ร้านค้าสำหรับประชาชนสแกนเมื่อเข้าไปใช้บริการในสถานที่นั้น สแกนคิวอาร์โค้ด และประเมินมาตรฐานเมื่อออกจากสถานที่ เป็นการควบคุมกำกับกิจการ/ร้านค้า ว่าได้มาตรฐานหรือไม่ ซึ่งข้อมูลของผู้ใช้ไทยชนะจะถูกนำไปใช้ในกรณีที่มีความเสี่ยงติดเชื้อในสถานที่นั้น ต้องสอบสวนโรค โดยมีการติดตาม 2 แบบ คือ หากใช้แอปพลิเคชันไทยชนะจะแจ้งให้รับทราบข้อมูลผ่านทางแอปพลิเคชัน หากสแกนคิวอาร์โค้ดด้วยกล้องโทรศัพท์จะส่งทาง SMS  

       “ขอให้ทุกกิจการ/ ร้านค้าช่วยกันลงทะเบียน และช่วยกันบอกกล่าวให้ประชาชนลงทะเบียนทุกครั้งที่เข้าใช้บริการและร่วมประเมินเพื่อช่วยกันปรับปรุงมาตรฐานป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ การระบาดระลอก 2 จะไม่เกิดหากช่วยกันทั้งร้านค้าและประชาชน มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการลงทะเบียนติดต่อสอบถามสายด่วน 1119” แพทย์หญิงศศิธรกล่าว  

 **********************************  23 กันยายน 2563

 ********************************** 



   
   


View 1244    23/09/2563   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ