รายงานข่าวกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

ประจำวันที่ 18 กันยายน 2563

         สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยวันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย เป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ (ซาอุดิอาระเบีย 4 ราย, บังคลาเทศ 1 ราย, กาตาร์ 1 ราย, ปากีสถาน 1 ราย) และเข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้, สถานกักตัวทางเลือก มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 3 ราย จึงมีผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 3,328 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 95.17 ของผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 111 ราย หรือร้อยละ 3.17 ของผู้ป่วยทั้งหมด ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมผู้เสียชีวิตสะสม 58 ราย ผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,497 ราย

สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ เป็นผู้ที่เดินทางมาจาก

          ซาอุดิอาระเบีย 4 ราย  ทุกรายมีสัญชาติไทย เป็นเพศหญิง 2 ราย อายุ 9 และ 14 ปี อาชีพนักเรียน เพศชาย 2 ราย อายุ 61 ปี อาชีพพนักงานบริษัท และ อายุ 50 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางถึงประเทศไทยวันที่ 5 กันยายน 2563 และเข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ พบเชื้อจากการตรวจในครั้งที่ 2 วันที่ 16 กันยายน 2563 (วันที่ 11 ของการกักตัว) ก่อนหน้านี้พบผู้ติดเชื้อจากเที่ยวบินเดียวกัน 8 ราย ซึ่งทุกรายได้เข้าสู่ระบบกักกันและส่งต่อรักษาที่โรงพยาบาล

          สำหรับชายอายุ 50 ปี เคยมีประวัติติดเชื้อเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2563 มีอาการไข้ ไอ ลิ้นไม่รับรส
ก่อนเดินทางกลับประเทศไทยได้ตรวจ วันที่ 1 กันยายน 2563 ผลไม่พบเชื้อ

          บังกลาเทศ 1 ราย เป็นชาย อายุ 42 ปี สัญชาติบังกลาเทศ อาชีพพนักงานบริษัท เดินทางถึงประเทศไทยวันที่ 2 กันยายน 2563 เข้ากักตัวในสถานกักตัวทางเลือกที่กรุงเทพมหานคร พบเชื้อจากการตรวจในครั้งที่ 2 วันที่ 13 กันยายน 2563 (วันที่ 11 ของการกักตัว) ไม่มีอาการ โดยผู้เดินทางเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการกักตัว ส่วนค่ารักษาพยาบาลเก็บจากประกันโควิด 19

          กาตาร์ 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 41 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางถึงประเทศไทยวันที่ 13 กันยายน 2563 เข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ที่จังหวัดชลบุรี พบเชื้อจากการตรวจครั้งแรกวันที่ 16 กันยายน 2563 (วันที่ 3 ของการกักตัว) ไม่มีอาการ ก่อนหน้านี้พบผู้ติดเชื้อจากเที่ยวบินเดียวกัน 1 ราย ซึ่งทุกรายได้เข้าสู่ระบบกักกันและส่งต่อรักษา
ที่โรงพยาบาล

          ปากีสถาน 1 ราย เป็นชาย อายุ 10 ปี สัญชาติปากีสถาน เดินทางมาถึงประเทศไทยวันที่ 13 กันยายน 2563 พบเชื้อจากการตรวจครั้งแรกวันที่ 16 กันยายน 2563 (วันที่ 3 ของการกักตัว) ไม่มีอาการ

          นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า การแพร่ระบาด ของโรคโควิด 19 ในประเทศเมียนมา เป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่อย่างก้าวกระโดด และประเทศไทยซึ่งมี 10 จังหวัด ติดกับประเทศเมียนมา ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง มีช่องทางธรรมชาติที่อาจเกิดการลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายได้ แม้ว่าภาครัฐจะเพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังในด่านทางบก โดยมอบให้อำนาจแก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนในด้านสาธารณสุขได้มีการตรวจหาเชื้อเชิงรุกตามในพื้นที่แนวชายแดน เพิ่มความเข้มงวดในจังหวัดที่มีโรงงานอุตสาหกรรมโดยใช้กลไก อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อาสาสมัครสาธารณสุขประชากรต่างด้าว (อสต.) มีส่วนร่วมสอดส่อง และเฝ้าระวังโรคในพื้นที่

          อีกประเด็นสำคัญคือ จากรายงานผู้ติดเชื้อของประเทศไทยพบว่า กว่าร้อยละ 50 ของผู้ติดเชื้อเป็นผู้ที่อยู่ในวัยเรียน วัยทำงาน หากป่วยกลุ่มนี้มักไม่แสดงอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย อาจทำให้แพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้โดยไม่รู้ตัว จึงขอเน้นย้ำให้ประชาชนกลุ่มดังกล่าวอย่าประมาท ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเอง หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดคนรวมกันจำนวนมาก หากมีการรวมกลุ่มชุมนุม มาตรการสำคัญที่ขาดไม่ได้คือการสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าตลอดเวลา ไม่ตะโกน และหลีกเลี่ยงการนำมือสัมผัสบริเวณใบหน้า ตา จมูกปาก เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่และสัมผัสเชื้อได้

*************************** 18 กันยายน 2563



   
   


View 1012    18/09/2563   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ