สาธารณสุขเปิดแผนรับมือ 7 วันอันตรายฉลองเทศกาลสงกรานต์ สั่งโรงพยาบาลกว่า 800 แห่งทั่วประเทศ เพิ่มกำลังแพทย์ พยาบาลเชี่ยวชาญด้านอุบัติเหตุ 2 เท่าตัว รับมืออุบัติเหตุตลอด 24 ชั่วโมง ให้ทุกจังหวัดคุมเข้มการขายเหล้า ระดมพลังอสม.กว่า 8 แสนคน ออกเคาะประตูบ้านเตือนชาวบ้านยึดหลักขับขี่ปลอดภัย และช่วยปฐมพยาบาลคนเจ็บเบื้องต้นก่อนหน่วยนเรนทรไปถึง ป้องกันความพิการ ระบุสงกรานต์ที่ผ่านมาพบ 1 ใน 6 ของเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีบาดเจ็บรุนแรงจากเมาแล้วซิ่งรถจักรยานยนต์
วันนี้ (2 เมษายน 2551) ที่กระทรวงสาธารณสุข นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์บุญชัย สมบูรณ์สุข รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นายแพทย์เสรี หงษ์หยก รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ แถลงข่าว การเตรียมความพร้อมรับอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2551 ตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้งานอุบัติเหตุจราจรเป็นวาระแห่งชาติ มีมาตรการเน้นหนักตั้งแต่วันที่ 11-17 เมษายน 2551
นายไชยา กล่าวว่า อุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาอันดับ 1 ใน 3 ของปัญหาสาธารณสุข แต่ละปีพบมีผู้เสียชีวิตกว่า 13,000 คน บาดเจ็บอีกเกือบล้านคน เฉลี่ยชั่วโมงละกว่า 100 คน และมีผู้พิการเพิ่มขึ้นปีละ 16,000 คน สร้างความสูญเสียเศรษฐกิจประเทศอย่างใหญ่หลวงปีละเกือบ 2 แสนล้านบาท โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญ อัตราการบาดเจ็บและเสียชีวิตจะสูงกว่าช่วงปกติประมาณ 2 เท่าตัว คาดว่าจะมีผู้พิการเพิ่มในช่วง 7 วันอันตรายนี้เกือบ 400 คน โดยช่วงสงกรานต์ในปีที่ผ่านมา พบผู้บาดเจ็บรุนแรงที่ขี่มอเตอร์ไซค์มีสัดส่วนดื่มสุราสูงที่สุดร้อยละ 46 และยังพบว่า 1 ใน 6 ของเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ที่บาดเจ็บรุนแรงจากการขับขี่รถจักรยานยนต์มีการดื่มสุราร่วมด้วย
ในการรับมือ 7 วันอันตรายช่วงฉลองเทศกาลสงกรานต์ ระหว่าง 11-17 เมษายน 2551 นี้ กระทรวงสาธารณสุขเน้นหนักที่ 3 มาตรการ คือ การป้องกันในระดับหมู่บ้าน การควบคุมการขายเหล้า และการรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ โดยได้สั่งการให้โรงพยาบาลกว่า 800 แห่งทั่วประเทศ เพิ่มกำลังแพทย์เฉพาะทาง พยาบาลที่เชี่ยวชาญด้านอุบัติเหตุประจำห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด สำรองคลังเลือดอีก 2 เท่าตัว ให้ทุกแห่งสำรองเตียงร้อยละ 30 เพื่อรับมืออุบัติเหตุตลอด 24 ชั่วโมง และได้เตรียมทีมกู้ชีพฉุกเฉินกว่า 4,000 ทีม พร้อมรถฉุกเฉิน เครื่องมือช่วยชีวิต ให้พร้อมออกไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บรวมทั้งการป่วยฉุกเฉินอื่นๆ ด้วย โดยเปิดสายรับแจ้งเหตุทาง 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง หลังวางสาย ทีมกู้ชีพจะเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุภายใน 10-15 นาที
ซึ่งในปีนี้เป็นปีแรกที่กฎหมายการแพทย์ฉุกเฉินประกาศใช้ ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2551 เมื่อประชาชนพบเห็นผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือป่วยฉุกเฉินให้แจ้ง 1669 เพื่อรับการช่วยเหลือจากมืออาชีพและอาสาสมัครที่ผ่านการอบรมแล้ว เพื่อความปลอดภัยของผู้บาดเจ็บ โรงพยาบาลทุกแห่งจะดูแลผู้ป่วยเต็มที่ เต็มกำลัง
ทางด้านนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่มักเกิดบนถนนสายรองในอำเภอและหมู่บ้าน ในปีนี้ได้ขอความร่วมมืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กว่า 8 แสนคนทั่วประเทศ เคาะประตูบ้านทุกหลัง รณรงค์เตือนสติชาวบ้านดื่มแล้วต้องไม่ขับ และให้อสม.ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีในการป้องกันอุบัติเหตุตามที่รัฐบาลกำหนด คือ 3 ม 2 ข 1 ร ได้แก่ เมาไม่ขับ สวมหมวกกันน็อคทุกครั้ง เมื่อขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ พกใบขับขี่ คาดเข็มขัดนิรภัยและไม่ขับรถเร็ว โดยเฉพาะรณรงค์ให้ประชาชนที่ใช้รถจักรยานยนต์ในครัวเรือนที่อยู่ในความรับผิดชอบของอสม. สวมหมวกกันน็อคเมื่อขับขี่หรือโดยสาร และให้อสม.ช่วยดูแลผู้บาดเจ็บและผู้ป่วยฉุกเฉินในเบื้องต้น เช่น การดามกระดูก การห้ามเลือด ระหว่างที่รอทีมกู้ชีพฉุกเฉินเดินทางไปถึงเพื่อป้องกันความพิการ
นอกจากนี้ ยังให้อสม.มีส่วนช่วยในการรณรงค์และประชาสัมพันธ์ลดการดื่มเหล้าฉลองสงกรานต์ ป้องกันปัญหาอุบัติเหตุ ห้ามดื่มสุราแล้วขับขี่รถจักรยานยนต์ ช่วยกันตักเตือนและเข้มงวดไม่ให้ขายเหล้าให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี หรือบุคคลที่อยู่ในอาการมึนเมาจนครองสติไม่ได้ ซึ่งสงกรานต์ปีที่ผ่านมาพบมีการกระทำผิดขายสุราในเวลาห้ามขายร้อยละ 26 ทั้งนี้ สถานที่ห้ามขายสุราตามกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ได้แก่ วัดหรือที่สถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา โรงพยาบาล ร้านขายยา สถานที่ราชการ หอพัก ปั๊มน้ำมันและร้านบริเวณปั๊มน้ำมัน สวนสาธารณะของทางราชการ โดยช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนดให้ขายสุราได้ คือ 11.00 14.00 น. และ 17.00 24.00 น.
เมษายน*********************************** 2 เมษายน 2551
View 8
02/04/2551
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ