“อนุทิน” พร้อมด้วย รมว.ท่องเที่ยวฯ ตรวจความพร้อมสนามบินเชียงใหม่ ชงยกระดับคัดกรองผู้โดยสารในประเทศให้เทียบเท่าฝั่งขาเข้าและขาออกต่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยไร้ความเสี่ยงในการเดินทาง เพื่อให้ “เชียงใหม่”ยังเป็นที่หมายท่องเที่ยวสำคัญของโลก พร้อมเร่งผลักดันให้ทุกจังหวัดมีโรงพยาบาลรองรับผู้ป่วยจังหวัดละ 1 แห่งให้ครบตามแผนที่เตรียมไว้

          วันนี้ (12 พฤษภาคม 2563) ที่ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล   รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตรวจเยี่ยมการดำเนินการการตรวจคัดกรองผู้โดยสารของท่าอากาศยานเชียงใหม่ฯ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การผ่อนปรนในระยะที่สอง โดยกล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีที่จังหวัดเชียงใหม่ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่มาเป็นเวลา 34 วันแล้ว ที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อเพียง 40 ราย การผ่อนปรนในระยะต่อไปจังหวัดเชียงใหม่ต้องเตรียมพร้อมเรื่องการรับผู้ที่มีความเสี่ยงจากนอกพื้นที่ สนามบินจึงเป็นด่านหน้าสำคัญในการคัดกรองทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามา จึงอาจจะต้องนำมาตรการการคัดกรองสำหรับผู้โดยสารขาเข้าและออกต่างประเทศมาใช้สำหรับผู้โดยสารในประเทศเช่นกัน เพื่อยกระดับการควบคุมโรคอย่างเข้มข้น โดยทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง จะต้องดำเนินการควบคู่ไปพร้อมกันเพื่อคัดกรองผู้โดยสารที่ต้องเดินทางในประเทศ

           นายอนุทิน ยังกล่าวด้วยว่า ทางรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขเตรียมผลักดันให้ทุกจังหวัดมีโรงพยาบาลที่พร้อมรองรับผู้ป่วยโควิด19 อย่างครบวงจร จังหวัดละ 1 แห่ง ให้ได้ตามแผนที่กำหนดไว้ ทั้งคัดกรอง รักษา และกักตัวสังเกตอาการ เพื่อให้มาตรฐานการดูแลผู้ป่วยยังคงมีความเข้มข้นต่อไป โดยที่ขณะนี้ระบบสาธารณสุขของเรามีความพร้อมทุกด้านทำให้มั่นใจว่าต่อไปเราจะรับมือกับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี และจะส่งผลให้ประเทศไทยโดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างจังหวัดเชียงใหม่จะกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ปลอดภัย ผู้คนจากทั่วโลกอยากจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวอีกครั้งอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของการควบคุมโรคจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนอย่างเต็มที่เหมือนที่ร่วมมือกันมา การ์ดต้องไม่ตก เราจึงจะพร้อมรับมือกับสถานการณ์ในวันข้างหน้าได้เป็นอย่างดีต่อไป

******************************* 12 พฤษภาคม 2563

*******************************************



   
   


View 1602    12/05/2563   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ