ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่หมู่ 10 บ้านปีแนมูดอ ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอสม. โดยมีชาวบ้านป่วยเป็นโรคเรื้อรังเช่น อัมพาต โรคหัวใจ ในหมู่บ้าน 21 ราย มีเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ขาดสารอาหารสูงถึงร้อยละ 22 ชี้ผลจากปัญหาความไม่สงบทำให้งานสร้างสุขภาพของสธ. ล่าช้า วันนี้(4 ตุลาคม 2549) ที่จังหวัดนราธิวาส นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ พร้อมด้วยนายแพทย์สุวัจน์ เฑียรทอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางตรวจเยี่ยมบ้านปีแนมูดอ หมู่ 10 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง ซึ่งเป็นหมู่บ้านในโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องอ่างน้ำใกล้บ้าน และหมู่บ้านในโครงการพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี โครงการไร่นาสวนผสม เพื่อให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุข พร้อมทั้งประเมินสภาวะสุขภาพประชาชน เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์และสาธารณสุขแก่ประชาชนในพื้นที่ นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขน้อมรับพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่ทรงมีความห่วงใยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ต้องปฏิบัติงานได้ค่อนข้างยากลำบาก รวมทั้งปัญหาสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่หมู่ 10 บ้านปีแนมูดอ ต.บูกิต ซึ่งอยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร เสี่ยงภัยจากปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบ จากการตรวจเยี่ยมพื้นที่ครั้งนี้ พบว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุข ยังคงปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ ไม่ทอดทิ้งประชาชน ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกคนเพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติงาน และปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานตามความเหมาะสม สำหรับบ้านปีแนมูดอ หมู่ 10 มีประชากร 577 คน เป็นชาวไทยมุสลิมทั้งหมด จากการประเมินสภาวะสุขภาพในรอบ 4 เดือนมานี้ มีหญิงตั้งครรภ์ 4 คน มีเด็กอายุ 0-6 จำนวน 58 คน ในจำนวนนี้ขาดสารอาหาร 13 คน คิดเป็นร้อยละ 22 เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยได้ให้ยาถ่ายพยาธิ วิตามินรวม และให้กินนมและไข่ทุกวัน ขณะนี้ยังเหลือเด็กตกเกณฑ์มาตรฐานเพียง 4 คน ส่วนในกลุ่มผู้หญิงอายุวัยเจริญพันธุ์อายุ 15 – 44 ปี ซึ่งมีจำนวน 152 คน พบมีปัญหาซีด 3 คน และมีผู้ป่วยโรคเรื้อรังอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ 21 คน โดยเป็นโรคความดันโลหิตสูง 8 ราย เบาหวาน 6 ราย โรคหัวใจ 1 ราย โรคถุงลมปอดโป่งพอง 2 ราย และเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต 3 ราย ได้ให้เจ้าหน้าที่และอสม.ช่วยดูแลสุขภาพคนกลุ่มเหล่านี้อย่างใกล้ชิดและบริการฟรี โดยเฉพาะเรื่องการให้วัคซีนป้องกันโรคพื้นฐาน ได้แก่ วัณโรค คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก จะต้องให้อย่างต่อเนื่องจนครบตามเกณฑ์ นายแพทย์ปราชญ์กล่าวต่อว่า จากปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดต่อเนื่องมานานกว่า 3 ปี ทำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทำงานสร้างสุขภาพได้ไม่เต็มที่ การบริการต้องปรับเปลี่ยนมาตั้งรับในสถานบริการ ทำให้ปัญหาสุขภาพเดิม ๆ ยังคงอยู่ ที่สำคัญที่สุดคืออนามัยแม่และเด็ก โดยมากที่สุดที่จังหวัดนราธิวาส พบอัตราแม่ตาย 32.17 ต่อเด็กเกิดมีชีพแสนคน ขณะที่ภาพรวมทั้งประเทศกำหนดให้ไม่เกิน 18 ต่อแสน ทำให้เด็กแรกคลอดกำพร้าแม่ และมีพัฒนาการไม่ดีเท่าที่ควร สำหรับจังหวัดนราธิวาส ในปีที่ผ่านมามีมารดาตาย 3 ราย และมีเด็กอายุ 0 – 6 ปี เป็นโรคขาดสารอาหารร้อยละ 16 นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยโรคเรื้อนกระจายอยู่ทุกอำเภอจำนวน 49 ราย โรคเท้าช้าง 147 ราย และวัณโรคปอด 96 ราย ซึ่งมีอัตราการรักษาต่อเนื่องจนหายขาดเพียงร้อยละ 70 ต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดคือต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ตุลาคม/10 ***************************** 4 ตุลาคม 2549


   
   


View 10    05/10/2549   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ