รายงานข่าวกรณีโรคไวรัสโคโรนา 19 (COVID-19)  

ประจำวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563

 

1.สถานการณ์ ถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 ณ เวลา 08.00 น.         

          1. ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 20 ราย กลับบ้านแล้ว 13 ราย รวมสะสม 33 ราย

         2. ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม - 13 กุมภาพันธ์ 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 777 ราย คัดกรองจากสนามบิน 54 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 723 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 660 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 117 ราย

          3. สถานการณ์ทั่วโลกใน 26 ประเทศ และ 2 เขตบริหารพิเศษ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม – 14 กุมภาพันธ์ 2563 (07.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 65,246 ราย เสียชีวิต 1,487 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 64,658 ราย เสียชีวิต 1,484 ราย

          4. ขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ประชาชนทั่วไป ขอให้สวมหน้ากากอนามัยแบบผ้าที่สะอาด เมื่ออยู่ในสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก สำหรับผู้ป่วย และผู้ที่มีอาการ ไอ จาม ควรใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ สำหรับหน้ากากอนามัยประเภท N95 จะใช้ในเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด

 

2.  สธ.นำเทคโนโลยีปอดเทียมดูแลผู้ป่วยหนักโรคไวรัสโคโรนา 19

          กระทรวงสาธารณสุข นำเทคโนโลยีปอดเทียมช่วยผู้ป่วยหนักไวรัสโคโรนา 19 เป็นเทคนิคการให้การพยุงระบบหัวใจและหายใจแบบต่อเนื่องนอกกายแก่บุคคลที่หัวใจและปอดไม่สามารถแลกเปลี่ยนออกซิเจน

          นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค และพญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย แถลงความคืบหน้าสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา 19 ว่า ในวันนี้มี ผู้ป่วยยืนยันโรคไวรัสโคโรนา 19 (COVID-19) หายดี กลับบ้านได้อีก 1 ราย เป็นนักท่องเที่ยวหญิง ชาวจีนอายุ 33 ปี เข้ารับการรักษาที่สถาบันบำราศนราดูร สรุปสถานการณ์ในประเทศไทย มีผู้ป่วยยืนยันรักษาหายกลับบ้านแล้ว 13 ราย ยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาล 20 ราย ไม่มีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่เพิ่ม ยังคงมีผู้ป่วยยืนยัน 33 รายเท่าเดิม ส่วนผู้ป่วยยืนยันรายอื่นอาการดีขึ้น ทำให้สถานการณ์ภาพรวมผู้ป่วยในประเทศไทยขยับจากอันดับ 4 เป็นอันดับที่ 5 ของโลก ต่อจากจีน ญี่ปุ่น สิงค์โปร์ และฮ่องกง

           สำหรับรายที่มีอาการหนักตั้งแต่แรกรับที่สถาบันบำราศฯ ซึ่งผลการเอ๊กซ์เรย์ปอดผิดปกติตั้งแต่แรกรับ มีภาวะวิกฤตทางระบบทางเดินหายใจ (ARDS) ต่อมาอัตราการแลกเปลี่ยนออกซิเจนในเลือดต่ำลง แพทย์จึงได้พิจารณาใช้เครื่องช่วยพยุงการทำงานของปอดหรือเครื่องเอคโม (ECMO) ร่วมกับเครื่องช่วยหายใจปกติ ตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 โดยได้รับความร่วมมือจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้ป่วยวิกฤติจากโรงพยาบาลศิริราชช่วยดูแลผู้ป่วยรายนี้ด้วย ขณะนี้ อาการผู้ป่วยวันนี้ยังทรงตัว ตอบสนองต่อการใช้เครื่องเอคโม อัตราการแลกเปลี่ยนออกซิเจนในเลือดดีขึ้น

          ส่วนข้อกังวลเรื่องการป้องกันควบคุมโรคชาวจีนข้ามไปมาระหว่างประเทศไทยและประเทศเมียนมาร์ ตรงจุดข้ามแดนธรรมชาติโก๊กโก อำเภอแม่สอด จังหวัดตากนั้น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตากได้ร่วมกับฝ่ายปกครอง ทหาร ในพื้นที่ สั่งการไม่ให้ชาวจีนข้ามตรงจุดข้ามแดนธรรมชาติดังกล่าว โดยให้ ไปข้ามที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศด่านพรมแดนแม่สอดแทน เพื่อให้ทุกคนได้รับการตรวจคัดกรอง

         สำหรับเรือ Westerdam ที่เทียบท่าเรือสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขไทยมีข้อมูลรายชื่อผู้โดยสารทั้งหมดได้ประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและด่านควบคุมโรคทั้งบก เรือ อากาศ กำชับให้เข้มมาตรการคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศจากกัมพูชา หากพบผู้สงสัยจะนำเข้าระบบป้องกัน ควบคุมโรค ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข

          ทั้งนี้ในช่วงที่มีสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา 19 ขอให้เลือกใช้หน้ากากอนามัยให้เหมาะสม ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้ป่วย สามารถป้องกันตนเองได้ด้วยการสวมหน้ากากผ้าที่สะอาด สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ดูแลผู้ป่วย และผู้ที่มีอาการ ไอ จาม ควรใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ สำหรับหน้ากากอนามัยประเภท N95 จะใช้ในเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด

          สำหรับคนไทยกลับบ้านที่ฐานทัพเรือสัตหีบ วันนี้เป็นวันที่ 10 ของการเฝ้าระวังโรค ผู้ป่วยยืนยัน 1 รายที่โรงพยาบาลชลบุรี อาการปกติ ไม่มีไข้ ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก ยังอยู่ในห้องแยก เฝ้าระวังติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง ในวันนี้จะเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการอีกครั้ง ส่วนคนไทยที่อาคารรับรองสัตหีบ 137 คน ทุกคนสบายดี ไม่มีไข้ และไม่มีผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคเพิ่ม

3. ผลการดำเนินงานที่ด่านควบคุมโรค

          - ตั้งแต่วันที่ 3 – 23 มกราคม 2563 ได้เฝ้าระวังคัดกรองผู้โดยสารเที่ยวบินตรงจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต และกระบี่ ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2563 ขยายเพิ่มที่ท่าอากาศยานเชียงราย และตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2563 – 13 กุมภาพันธ์ 2563 คัดกรองเที่ยวบินจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งขาเข้าและขาออกจากประเทศจีน สะสมทั้งสิ้น 799เที่ยวบิน รวมคัดกรองผู้เดินทางและลูกเรือสะสม 64,357 ราย ทางกระทรวงสาธารณสุขได้จัดเจ้าหน้าที่หมุนเวียนไปสนับสนุนเจ้าหน้าที่ที่ด่าน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพตลอด 24 ชั่วโมง

          - ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ได้คัดกรองพื้นที่ ณ ท่าเรือ 5 แห่ง (กรุงเทพมหานคร ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน ท่าเรือภูเก็ต และท่าเรือสมุย) มีผู้ได้รับการคัดกรองสะสมรวม 44,200 ราย และด่านพรมแดนทางบก มีผู้ได้รับการคัดกรองสะสม 387,148 ราย

          - นักท่องเที่ยวทุกคนจะได้รับแจกคำแนะนำสุขภาพ (health beware card) จากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรค

4.ข้อแนะนำประจำวันในการป้องกันตนเองจากโรคไวรัสโคโรนา 19

          หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำ และสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น และปฏิบัติตามคำแนะนำ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” อย่างเคร่งครัด

 *****************************   14 กุมภาพันธ์ 2563

 

*****************************************

 



   


View 2781    14/02/2563   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ