“สมศักดิ์” ยกระดับหมอนวดไทยเชี่ยวชาญพิเศษ 7 กลุ่มอาการ เพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วย หนุนเศรษฐกิจสุขภาพ
- สำนักสารนิเทศ
- 153 View
- อ่านต่อ
รายงานข่าวกรณีโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019
( Novel Coronavirus 2019)
ประจำวันที่ 29 มกราคม 2563
1.สถานการณ์ ถึงวันที่ 29 มกราคม 2563 ณ เวลา 08.00 น.
1.พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจากต่างประเทศ 14 ราย (กลับบ้านแล้ว 5 ราย อีก 9 รายนอนโรงพยาบาล) ไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศไทย
2.มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2563 ถึง 28 มกราคม 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 158 ราย คัดกรองจากสนามบิน 29 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 129 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 62 ราย ส่วนใหญ่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 96 ราย ในจำนวนนี้อยู่ในห้องแยกโรค 20 ราย โดยในวันที่ 28 มกราคม 2563 พบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรครายใหม่จำนวน 22 คน
3.สถานการณ์ทั่วโลกใน 16 ประเทศ และ 2 เขตปกครองพิเศษ ข้อมูล ตั้งแต่ 5 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 28 มกราคม 2563 พบผู้ป่วย 4,581 ราย ส่วนประเทศจีน ข้อมูล ณ วันที่ 27 มกราคม 2563 พบผู้ป่วย 4,515 ราย เสียชีวิต 106 ราย
4. ขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข สถานการณ์จะดีขึ้นด้วยความร่วมมือจากประชาชน อย่าเชื่อข่าวลือจากทุกทาง “เช็คก่อนแชร์” ข้อมูลผู้ป่วยทางสื่อออนไลน์ เพื่อไม่ให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแพร่หลาย เกิดความตระหนก และมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โปรดติดตามข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุข หากมีข้อสงสัย สอบถามได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเว็บไซต์ https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/intro.php และ Line@ / เพจเฟสบุ๊ค : รู้กันทันโรค, เพจเฟสบุ๊ค : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
2.สธ.คัดกรองพบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรคปอดอักเสบจากเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019
เข้าระบบเพิ่มขึ้นอีก 22 ราย
นายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวานนี้ กระทรวงสาธารณสุข คัดกรองพบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรคปอดอักเสบจากเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 เข้าระบบเพิ่มขึ้นอีก 22 ราย ทำให้ขณะนี้มีผู้ที่เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสะสม 158 ราย โดยคัดกรองได้ที่สนามบิน 29 ราย และเป็นผู้ป่วยที่มีอาการไปรับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลด้วยตนเอง 125 ราย และมี 4 ราย ได้รับแจ้งจากโรงแรม ที่พัก มัคคุเทศก์ ซึ่งทั้งหมดอยู่ในระบบป้องกันควบคุมโรค อาการหายดีและออกจากโรงพยาบาลแล้ว 62 ราย
นายแพทย์ธนรักษ์ กล่าวต่อว่า การที่เราพบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรคเพิ่มขึ้นทุกวัน แสดงถึงประสิทธิภาพในการเฝ้าระวัง คัดกรอง ถ้าตรวจเจอดีแล้ว แสดงว่าเราทำงานได้ครบถ้วน จะช่วยให้การควบคุมการแพร่ระบาดได้ผลดี อย่างไรก็ตามแม้ในต่างประเทศการติดต่อจากคนสู่คน ขอยืนยันว่าในประเทศไทยขณะนี้ผู้ป่วยยืนยันทุกคนติดเชื้อมาจากต่างประเทศ ที่สำคัญโรคนี้สามารถป้องกันได้ ขอให้ทุกคนดูแลร่างกายให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้ชิดกันกับผู้ที่มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ ยึดหลัก “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัย”
บ่ายวันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติไปตรวจเยี่ยมให้กำลังผู้ปฏิบัติงาน พร้อมเยี่ยมชมระบบเฝ้าระวัง คัดกรองโรคที่ด่านควบคุมโรค ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
“ขอประชาชนอย่าตระหนก ไทยยังไม่พบการระบาดของโรคในประเทศ ขอให้ร่วมมือกับทางราชการปฏิบัติตามคำแนะนำ อย่าเชื่อ อย่าแชร์ ข่าวลือ ขอให้มั่นใจในระบบในการดูแลรักษาพยาบาล เรามีเครือข่ายห้องปฏิบัติการร่วมกันตรวจวินิจฉัย 5 หน่วยงาน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รพ.จุฬาลงกรณ์ รพ.ราชวิถี รพ.รามาธิบดี และสถาบันบำราศนราดูร สามารถตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 มีความแม่นยำ เชื่อถือได้ ในส่วนการรักษา ผู้ป่วยทั้ง 8 ราย ที่ติดเชื้อจากจีน เรารักษาหาย กลับบ้านได้แล้ว 5 ราย เหลืออีก 3 ราย อาการดีขึ้น รอตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการอีกครั้ง ก็จะอนุญาตให้กลับบ้านได้” นายแพทย์ธนรักษ์ กล่าว
สำหรับการจัดการกับผู้จัดทำที่ส่งเผยแพร่ ข่าวปลอม (Fake News) เกี่ยวกับเรื่องโรคปอดอักเสบจากเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 สร้างความตื่นตระหนกแก่คนในสังคม กระทรวงสาธารณสุขได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการตรวจสอบ และดำเนินการตามกฎหมาย โดยเช้าวันนี้กระทรวงสาธารณสุข นำโดยนายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง นายแพทย์ทรงคุณวุฒิและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ได้เข้าร่วมประชุมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อเตรียมแจ้งความดำเนินคดีเบื้องต้นตามนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้ดำเนินคดีกับผู้ปล่อยข่าว สร้างความเสียหายในสังคม มีผู้กระทำผิดจำนวน 7 ราย โดยจะดำเนินการให้ถึงที่สุดกับผู้ที่สร้างความเสียหาย เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีแก่สังคม
3. ผลการดำเนินงานที่ด่านควบคุมโรค
- จากการตรวจคัดกรอง 5 สนามบิน ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ ได้ตรวจคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิ สะสมตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม – 27 มกราคม 2563 จำนวน 166 เที่ยวบิน ผู้เดินทางและลูกเรือได้รับการคัดกรองสะสม ทั้งสิ้น 25,029 ราย ใน วันที่ 24 - 28 มกราคม 2563 ได้เพิ่มการตรวจคัดกรองผู้โดยสารที่สนามบินเชียงรายอีก 1 แห่ง และตรวจคัดกรองจากสายการบินของกว่างโจวและฉางชุน 60 เที่ยวบิน ผู้เดินทางและลูกเรือได้รับการคัดกรอง จำนวน 5,825 ราย ทางกระทรวงสาธารณสุขได้จัดเจ้าหน้าที่หมุนเวียนไปสนับสนุนเจ้าหน้าที่ที่ด่าน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพตลอด 24 ชั่วโมง
- นักท่องเที่ยวทุกคนจะได้รับแจกคำแนะนำสุขภาพ (health beware card) จากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรค
4.ข้อแนะนำประจำวันในการป้องกันตนเองจากโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019
สาธารณรัฐประชาชนจีนประกาศปิดการเดินทางสาธารณะที่เข้าออกเมืองอู่ฮั่นและพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ทุกช่องทาง และประชาชนควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้
• ประชาชนควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังเมืองอู่ฮั่นและเมืองที่มีการระบาดตามคำประกาศของทางการจีน
• ระหว่างเดินทางในต่างประเทศขอให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือมีมลภาวะ และไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยไอจาม แนะนำควรสวมหน้ากากอนามัย
• หลีกเลี่ยงการเข้าไปตลาดค้าสัตว์มีชีวิต การสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดกับสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ที่ป่วย หรือตาย และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรวมถึงเนื้อสัตว์ที่ไม่สุกดี
• หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำ และสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น และปฏิบัติตามคำแนะนำ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” อย่างเคร่งครัด
• ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น (เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว) เนื่องจากเชื้อก่อโรคทางระบบทางเดินหายใจสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทางการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ
• รักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
• หลังเดินทางกลับถึงประเทศไทย ภายใน 14 วัน ถ้ามีอาการไข้ มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ
มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้สวมหน้ากากอนามัย และรีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง เนื่องจากมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนปอดบวม และมีอาการรุนแรง ถึงขั้นเสียชีวิตได้
• หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สอบถามได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 หรือเว็บไซต์ https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/intro.php และ Line@/เพจเฟสบุ๊ค : รู้กันทันโรค เพจเฟสบุ๊ค :
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
******************* 29 มกราคม 2563
*************************************