ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยทั่วโลกมีผู้ติดเอดส์เพิ่มมากกว่าวันละ 11,000 คน ร้อยละ 40 เป็นเยาวชนอายุ 15-24 ปี ส่วนไทยติดเชื้อเพิ่มวันละประมาณ 40 รายต้นเหตุมาจากเพศสัมพันธ์ พบวัยรุ่นหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อเอดส์ร้อยละ 0.44 เร่งรณรงค์ให้ความรู้แก่เยาวชนไทย ป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงโรคเอดส์
วันนี้(1 ธันวาคม 2550) ที่จังหวัดเชียงใหม่ นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีจุดเทียนนำชีวิต แสงเทียนนำชีวิต ร่วมกันคิดสู้ภัยเอดส์ เนื่องในวันเอดส์โลกซึ่งตรงกับวันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี จัดโดยมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อกระตุ้นให้คนในสังคมเห็นใจและให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคเอดส์ การจุดเทียนในวันนี้มีเด็กนักเรียนและประชาชนมาร่วมกันจุดเทียนบนสะพานนวรัตน์กว่า 2,000 คน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าสะพานเป็นตัวเชื่อมให้ผู้ป่วยโรคเอดส์และผู้ไม่ป่วยสามารถอยู่ร่วมกันได้ ทำให้เกิดความหวังและความสว่างแก่ชีวิตผู้ติดเชื้อ และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคเอดส์ดังแสงเทียนที่ส่องอยู่บนสะพาน
นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวว่า ในปีนี้องค์การอนามัยโลกกำหนดแนวทางการรณรงค์ภายใต้คำขวัญ เอดส์หยุดได้...ร่วมกันรักษาสัญญา (Stop AIDS. Keep the Promise) โดยมุ่งหวังให้ทั่วโลกร่วมใจกันหยุดยั้ง และลดผลกระทบจากโรคเอดส์และให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการดูแลรักษาและป้องกันเอดส์อย่างทั่วถึงภายในปี 2553 โดยในปี 2553 กระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าลดการติดเชื้อเอดส์รายใหม่ลงให้ได้ครึ่งหนึ่งหรือไม่เกิน 5,300 ราย จากข้อมูลของโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติและองค์การอนามัยโลกปี 2549 คาดมีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ทั่วโลกประมาณ 39.5 ล้านคน มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2.9 ล้านราย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่วันละประมาณ 11,000 ราย ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปี 2550 คาดว่ามีผู้ติดเชื้อเอดส์สะสมกว่า 1 ล้านราย เสียชีวิต 558,895 ราย ยังคงมีผู้ติดเชื้อที่ยังมีชีวิตอยู่ 546,578 ราย สาเหตุหลักของการติดเชื้อกว่าร้อยละ 80 มาจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย
ทั้งนี้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาพบวัยรุ่นมีพฤติกรรมเสี่ยงมีแนวโน้มติดเชื้อเอดส์เพิ่มมากขึ้น สาเหตุจากใช้ถุงยางอนามัยน้อยมาก ผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่ในปี 2549 มีจำนวน 15,174 รายหรือวันละประมาณ 40 ราย ส่วนใหญ่เป็นเยาวชนและวัยรุ่นที่ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ ที่น่าเป็นห่วงคือพบอัตราการติดเชื้อในหญิงตั้งครรภ์อายุ 15 - 19 ปีเพิ่มสูงขึ้น โดยตรวจพบถึงร้อยละ 0.44 ในขณะที่ในปี 2547 และ 2548 ไม่พบมีผู้ติดเชื้อเอดส์ในกลุ่มนี้
นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่ออีกว่า กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดมาตรการเร่งรัดดำเนินการป้องกันการติดเชื้อเอดส์ทางเพศสัมพันธ์ ส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์ในกลุ่มผู้ติดเชื้อ กลุ่มชายรักเพศเดียวกัน กลุ่มผู้ให้และผู้ใช้บริการทางเพศ กลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ ในปี 2551 ตั้งเป้าให้ยาต้านไวรัสผู้ป่วยโรคเอดส์ 130,000 ราย รวมทั้งมีการขยายบริการให้คำปรึกษาและตรวจเลือดแบบสมัครใจ และพัฒนาระบบบริการรักษาผู้ป่วยด้วยยาต้านไวรัสเอดส์ให้ครอบคลุมทั่วถึงภายในปี 2553 สำหรับการดูแลด้านสังคม เช่น การดูแลเด็กกำพร้าและผู้สูงอายุที่ได้รับผลกระทบจากเอดส์ รวมทั้งการดูแลด้านอาชีพและสิทธิของผู้ติดเชื้อ ได้กำหนดเป้าหมายในการพัฒนาบริการด้านสังคมและสวัสดิการต่างๆ เพิ่มขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมอย่างน้อยร้อยละ 80 ของผู้ได้รับผลกระทบจากเอดส์ที่จำเป็นต้องได้รับบริการดังกล่าว
View 10
01/12/2550
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ