สธ. แย้มข่าวดีวัคซีนเอดส์รับขวัญวันเอดส์โลก อาสาสมัคร 16,000 คนปลอดภัย

กระทรวงสาธารณสุข เผยการทดลองวัคซีนเอดส์ในไทย ผลการประเมินเบื้องต้นอาสาสมัครทุกคนปลอดภัย เดินหน้าทดลองต่อยอดจนจบโครงการในปี 2552 ชี้สถานการณ์โรคเอดส์หนักหน่วงขึ้น คาดปี 2550 ชาวโลกตกเป็นเหยื่อโรคเอดส์รายใหม่ 4 ล้านกว่าคน ส่วนไทยพบหญิงตั้งครรภ์มือใหม่ติดเชื้อเอดส์ปีละ 720 คน วันนี้ (22 พฤศจิกายน 2550) ที่กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์มรกต กรเกษม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์สมภพ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร แพทย์หญิงพัชรา ศิริวงศ์รังสรร ผู้อำนวยการสำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ นายแพทย์สุกมล วิภาวีพลกุล จิตแพทย์ ตัวแทนเยาวชน และดารานักแสดง ร่วมกันแถลงข่าวการจัดการรณรงค์วันรวมใจต้านภัยเอดส์ ในวันที่ 1 ธันวาคม 2550 ซึ่งเป็นวันเอดส์โลก องค์การอนามัยโลกได้กำหนดคำขวัญว่า “เอดส์หยุดได้ ร่วมใจรักษาสัญญา” (Stop AIDS. Keep the Promise) นายแพทย์มรกต กล่าวว่า การรณรงค์เนื่องในวันเอดส์โลก จากรายงานสถานการณ์โรคเอดส์ทั่วโลกปี 2549 พบผู้ติดเชื้อประมาณ 39.5 ล้านคนเป็นเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี ประมาณ 2.3 ล้านคน ผู้ใหญ่ 37.2 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตแล้วประมาณ 2.9 ล้านคน คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในปี 2550 จำนวน 4.3 ล้านคน เฉลี่ยวันละ 11,000 คน หรือนาทีละเกือบ 8 คน ในจำนวนนี้ร้อยละ 40 เป็นเด็กวัยรุ่นอายุ 15-24 ปี มีการติดเชื้อร้อยละ 40 ผู้ติดเชื้อดังกล่าวพบมากที่สุดในทวีปแอฟริกาประมาณ 24.7 ล้านคน รองลงมาอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 7.8 ล้านคน ทั้งนี้พบว่าพื้นที่ที่การติดเชื้อสูงร้อยละ 95 เป็นประเทศที่มีรายได้ต่ำและกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลาง สาเหตุหลักร้อยละ 84 ติดเชื้อมาจากการมีเพศสัมพันธ์ สำหรับสถานการณ์โรคเอดส์ในประเทศไทย คาดการณ์ว่าตั้งแต่ พ.ศ. 2527 จนถึงปี 2550 นี้ มีผู้ใหญ่ติดเชื้อเอดส์สะสมกว่า 1 ล้านคน จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2550 ผู้ป่วยเอดส์เสียชีวิตไปแล้ว ประมาณ 558,895 คน ยังเหลือผู้มีชีวิตประมาณ 546,578 คน และคาดว่าจะมีผู้ใหญ่ติดเชื้อเอดส์รายใหม่ในปี 2550 นี้จำนวน 13,936 คน โดยร้อยละ 36 เป็นหญิงวัยรุ่นและแม่บ้าน รองลงมาคือชายรักชาย ร้อยละ 24 ทั้งนี้ จากการศึกษาความชุกของการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มทหารเกณฑ์ หญิงขายบริการทางเพศ กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 5 เดือน ในปี 2549 พบว่าแนวโน้มการติดเชื้อเอชไอวีของประชากรในกลุ่มที่ 1 และ 2 ลดลง ส่วนประชากรในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งมีปีละประมาณ 8 แสนคน มีแนวโน้มการติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.06 ในปี 2548 เป็นร้อยละ 0.09 หรือ 720 คนในปี 2549 ชี้ให้เห็นว่าหากไม่มีมาตรการป้องกันในคนกลุ่มนี้ การเจริญพันธุ์ของประชาชนไทยอาจถดถอยลงเพราะโรคเอดส์ โดยจะมีสามี-ภรรยาติดเชื้อเอดส์ปีละ 1,440 คน กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความสำคัญกับนโยบายในการป้องกันแก้ไขปัญหาเอดส์อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการป้องกันในวัยเจริญพันธุ์ คืออายุ 15-49 ปี ด้วยมาตรการถุงยางอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์ และการเข้าถึงยาต้านไวรัสเอดส์ให้ผู้ป่วยทุกรายอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2545 เป็นประเทศต้นๆ ในโลกที่ประกาศนโยบายนี้ชัดเจน สำหรับปี 2551 ตั้งเป้าให้ยาต้านไวรัสผู้ป่วยโรคเอดส์จำนวน 130,000 ราย ซึ่งมั่นใจว่าภายในปี 2553 ผู้ป่วยเอดส์ของไทยทุกรายจะได้รับการดูแลทั่วถึงตามเป้าหมายที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และที่สำคัญที่สุดที่จะเป็นความหวังแก่ทั่วโลก คือการทดลองวัคซีนเอดส์พรามบู๊ท (Prime Boost) ในประเทศไทย ที่จังหวัดระยองและชลบุรี จำนวน 16,000 คน ซึ่งเป็นการทดสอบระยะ 3 ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อประเมินผล โดยได้ทำการฉีดวัคซีนให้แก่อาสาสมัครครบเมื่อกรกฎาคม 2549 และอาสาสมัครทุกคนปลอดภัย และจะทำการศึกษาต่อยอดจนจบการทดลองในปี 2552 ด้วยนายแพทย์สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในปีนี้ ประเทศไทยได้กำหนดประเด็นในการรณรงค์วันเอดส์โลกคือ “หนึ่งเสียงล้านพลังยับยังเอดส์” เพื่อกระตุ้นให้เกิดพลังขับเคลื่อนความร่วมมือร่วมใจในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ในทุกด้านอย่างเข้มแข็ง โดยกำหนดจัดรณรงค์วันรวมใจต้านภัยเอดส์ในปี 2550 ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2550 เวลา 09.00-18.00 น. ที่สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เขตจตุจักร โดยภายในงานจะมีการให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคเอดส์ในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ การเสวนาเรื่อง “เอดส์ดูเหมือนไกล แต่ใกล้แค่เอื้อม” และกิจกรรมแรลลี่ “หนึ่งเสียงล้านพลังยับยังเอดส์” นอกจากนี้ ยังมีการประกวดตัวแทนเยาวชน เพื่อเป็นพรีเซ็นเตอร์ประชาสัมพันธ์เรื่องเอดส์ โดยทำการคัดเลือกจากสถาบันการศึกษาที่ส่งเข้าประกวด ซึ่งกิจกรรมภายในงานประชาชนที่เข้าร่วมฟรีทั้งหมด ไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด พฤศจิกายน ********************* 22 พฤศจิกายน 2550