จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ 2019 ในหลายพื้นที่จังหวัดที่ติดกับประเทศเมียนมาร์ในปัจจุบัน ทำให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวลจากการแพร่กระจาย โดยเฉพาะในช่วงระยะเวลา  วันที่ 15-21 ธันวาคม 2563 จากสถิติร้อยละ 73 เป็นผู้ป่วยรายใหม่ที่ไม่มีอาการ ซึ่งทำให้สามารถแพร่กระจายโรคได้โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันในขณะที่ประเทศไทยยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรค สิ่งเดียวที่ทุกคนสามารถทำได้ด้วยตัวเองขณะนี้คือ การสวมหน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง โดยมีข้อปฏิบัติคำแนะนำดังนี้

สำหรับหน้ากากอนามัยแบบทั่วไป (แบบผ้าและแบบใส่แล้วทิ้ง)

1. แบบบุคลากรทางการแพทย์ที่มีสีฟ้าหรือสีเขียวให้หันด้านที่มีสีออกด้านนอก
2. แบบหน้ากากผ้าควรเลือกที่พอดีไม่หนาไม่บางเกินไปและหายใจสะดวก
3. ควรสวมให้พอดีกับใบหน้าและดึงหน้ากากอนามัยให้ครอบคลุมทั้งจมูกและปาก

สำหรับหน้ากากอนามัยแบบ N95

ให้ถือหน้ากากอนามัยไว้ในอุ้งมือ ครอบหน้ากากบริเวณปากและจมูก ดึงสายรัดที่อยู่ด้านล่าง คล้อง

ศีรษะ แล้วดึงลงไปบริเวณใต้ใบหู จากนั้นดึงสายรัดเส้นบนคล้องให้อยู่บริเวณหลังศีรษะ บีบบริเวณเส้นลวดให้พอดีกับจมูก ทดสอบความพอดีของหน้ากากโดยใช้มือทั้งสองข้างทาบบริเวณหน้ากาก แล้วลองหายใจ หากหน้ากากพอดีกับใบหน้าเวลาหายใจเข้าหน้ากากจะยุบตัว หายใจออกจะพองตัวออก

ข้อควรปฏิบัติ

1. ขณะใส่ไม่ควรสัมผัสหน้ากากด้านนอกถ้าไม่จำเป็น
2. หมั่นล้างมือบ่อย ๆ เพราะมือเป็นพาหะการนำเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายที่สำคัญที่เข้าทางตา จมูก ปาก
3. สำหรับหน้ากากที่ใช้แล้วเปียกจากสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก ควรเปลี่ยนหน้ากากอนามัยทันที และไม่ควรนำกลับมาใช้ซ้ำ
4. หน้ากากที่ใช้แล้วควรใส่ถุงปิดให้มิดชิดหรือทิ้งในถังขยะติดเชื้อ
5. ส่วนหน้ากากแบบผ้า ควรซักทำความสะอาดทุกครั้งหลังการใช้ และตากในที่โล่งให้แห้งจึงนำมาใช้ใหม่ได้
6. หมั่นล้างมือทำความสะอาดตลอดเวลาเพื่อป้องกันการตกค้างของเชื้อโรค

แหล่งข้อมูล : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข   

วันที่         : 22 ธันวาคม 2563