บทความสุขภาพ

พิมพ์

ไขความเชื่อเรื่องขวดน้ำดื่ม


หลายครั้งที่เรามักจะได้ยินความเชื่อเกี่ยวกับขวดน้ำมากมาย
ว่าขวดน้ำใช้ซ้ำไม่ดีบ้าง ทิ้งกลางแดดจะเกิดสารก่อมะเร็งบ้าง
แล้วความจริงตกลงเป็นยังไง วันนี้ลุงโจนส์หาคำตอบมาให้แล้ว

1.เปิดแล้วควรดื่มให้หมด ?
เรื่องนี้จริง : การดื่มน้ำจากขวดที่เคยเปิดแล้วนานๆ เสี่ยงปนเปื้อนเชื้อโรคมาก
จึงมีคำแนะนำว่าถ้าเปิดแล้วควรดื่มให้หมดภายใน 1 วัน
โดยเฉพาะคนที่ชอบยกดื่มจากปาก เพราะเสี่ยงเชื้อโรคจากปากเติบโตในน้ำที่เหลือได้
ส่วนใครที่ยกดื่มแบบไม่โดนปาก หรือเทน้ำใส่แก้วแล้วค่อยดื่ม อาจจะเสี่ยงเชื้อโรคน้อยกว่าแต่ก็เสี่ยงอยู่ดีครับเพราะเราเปิดฝาแล้ว

2. อย่าดื่มขวดน้ำที่วางในรถ
เรื่องนี้ไม่จริง : ความเชื่อที่ว่าทิ้งขวดน้ำในรถ
แล้วอุณหภูมิในรถที่สูงจะไปละลายสารเคมีบางตัวในขวด
จนเกิดเป็นสารก่อมะเร็งได้นั้น ปัจจุบันมีการศึกษาเพื่อทดสอบความเชื่อนี้
โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
โดยทำการทดลองนำขวดน้ำดื่มกว่า 18 ยี่ห้อ
ไปวางในรถที่จอดกลางแดดเป็นเวลา 1 วัน และ 7 วัน
ผลการทดลองพบว่าขวดที่วางทิ้งไว้ไม่พบสารก่อมะเร็งครับ
นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขยังได้กำหนดมาตรฐานขวดน้ำดื่มด้วย
ว่าต้องทนความร้อนได้ 60 - 95 องศาเซลเซียส
ดังนั้นขวดน้ำดื่มแบบ PET ที่เรามักดื่มนั้น
จึงสามารถดื่มและเก็บไว้ในรถได้ไม่อันตรายจ้า
(แต่ถ้าเปิดดื่มแล้วก็ควรดื่มให้หมดใน 1 วันอยู่ดีนะ)

3.ใช้ซ้ำเสี่ยงมะเร็ง
เรื่องนี้ไม่จริง : สารก่อมะเร็งในขวดน้ำที่คนมักพูดถึง
คือสาร BPA ซึ่งปัจจุบันนี้ขวดน้ำดื่มแบบ PET นั้น
ไม่มี BPA เป็นองค์ประกอบ สาร BPA นี้ มักใช้กับกระป๋องอาหาร
ส่วนสารอื่นๆ ในขวดก็พบว่าเสี่ยงปนเปื้อนออกมาได้น้อยมาก
ก็คิดดูละกันครับว่าขนาดอุณหภูมิในรถยังทำอะไรไม่ได้
ดังนั้นวางเฉยๆ หรือใช้ซ้ำก็ไม่เกิดสารก่อมะเร็งครับ
แต่ถึงยังไงลุงก็แนะนำว่าไม่ควรใช้ซ้ำอยู่ดี
เพราะขวดแบบนี้ถูกผลิตให้ใช้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น
ใช้ซ้ำอาจเสี่ยงเชื้อโรคปนเปื้อนได้

เรื่องนี้มีการพิสูนจ์แล้วว่าเสี่ยงจริง
เพราะกรมอนามัยเคยสำรวจขวดน้ำประมาณ 131 ขวด
พบมีการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย มากถึง 85 ขวดหรือคิดเป็น 65% เลยทีเดียว

ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรใช้ซ้ำ แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ซ้ำจริงๆ
ควรทำความสะอาดก่อน ซึ่งการทำความสะอาดก็ไม่ใช่แค่กลั้วๆน้ำนะครับ
แต่ควรล้างด้วยน้ำยาล้างจาน เหมือนกับเราล้างจานนั้นแหละ
จากนั้นก็ตากให้แห้ง แค่นี้ก็ใช้ซ้ำได้อย่างสบายใจแล้วจ้า

อ้างอิงข้อมูล
1.[ ++https://bit.ly/2JCTxf8++](https://t.co/lAsUQMUhn5?amp=1)
2.[ ++https://bit.ly/33HHXWS++](https://t.co/xMxc2nOMI7?amp=1)




ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB Fanpage Jone salad

 

 

 


จากหน่วยงาน : กลุ่มภารกิจด้านวิเคราะห์และประมวลข่าวสาร สำนักสารนิเทศ เปิดดู 1081 view
วันที่ประกาศข่าว : 9 ธันวาคม 2563 เวลา 10:27 น.