บทความสุขภาพ

พิมพ์

ไข้เลือดออกไม่ควรกินยาแก้อักเสบ


โรคไข้เลือดออก เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue virus) โดยมียุงลายเป็นพาหะของโรค มักจะระบาดในช่วงฤดูฝน โดยส่วนใหญ่จะพบอาการดังต่อไปนี้

  • มีไข้สูงเฉียบพลันเกิน 38 องศาเซลเซียสประมาณ 2-7 วัน
  • ปวด เมื่อยตัว อ่อนเพลีย ซึม
  • คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
  • หน้าแดง อาจพบจ้ำเลือดหรือจุดเลือดออกสีแดงเล็กๆ ตามผิวหนัง หรือมีเลือดออกบริเวณอื่น เช่น เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน ปัสสาวะ อุจจาระมีเลือดปน
  • ปวดท้องอย่างรุนแรง กดเจ็บชายโครงด้านขวา
  • อาจเกิดภาวะช็อก โดยผู้ป่วยจะมีอาการกระสับกระส่าย ปลายมือปลายเท้าเย็น ปัสสาวะน้อยลง
    ไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว ความดันโลหิตลดต่ำ วัดชีพจรไม่ได้

จะเห็นได้ว่าโรคไข้เลือดออกในช่วงระยะแรกที่เป็นจะมีอาการคล้ายไข้หวัด นั้นคือจะมีไข้สูงบางคนจึงรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการไข้ ซึ่งบางคนอาจเลือกรับประทานยาในกลุ่มต้านอักเสบชนิดไม่ใช่
สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น แอสไพรินและไอบูโปรเฟน ซึ่งเป็นยาลดไข้ แต่ยาทั้งสองชนิดนี้ห้ามนำมาใช้
ในโรคไข้เลือดออก เนื่องจากยาทั้งสองชนิดนี้จะยิ่งส่งเสริมการเกิดภาวะเลือดออกผิดปกติจนอาจ
เกิดอันตรายต่อผู้ป่วยได้ ยาลดไข้ที่ปลอดภัยในผู้ที่เป็นไข้เลือดออกมีเพียงตัวเดียวเท่านั้น คือพาราเซตามอล ทางที่ดีที่สุดหากมีไข้สูงมากให้รีบไปโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ทำการวินิจฉัย อย่าซื้อยาอะไรมารับประทานเอง หรือหากต้องการบรรเทาอาการก่อนที่จะไปโรงพยาบาล แนะนำให้ปรึกษาเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง ไม่อย่างนั้นอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา


จากหน่วยงาน : กลุ่มภารกิจด้านวิเคราะห์และประมวลข่าวสาร สำนักสารนิเทศ เปิดดู 3376 view
วันที่ประกาศข่าว : 8 ธันวาคม 2563 เวลา 14:16 น.