เช้าวันนี้ (3 กุมภาพันธ์ 2553) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และนายแพทย์นรา นาควัฒนกุล อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แถลงข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าของการดำเนินคดีกรณีการลักลอบฉีดสารกลูต้าไธโอนช่วยทำให้หน้าขาว ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ดำเนินการจับกุมเมื่อเย็นวานนี้ นายจุรินทร์กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาเนื่องจากการให้บริการทำให้ผิวหน้าขาว ถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย และเป็นอันตรายหากเกิดผลข้างเคียง เช่น ทำให้ผิวหนังแดง ความดันโลหิตต่ำ หอบหืดเฉียบพลัน หากมีอาการแพ้รุนแรงจะตัวบวม หลอดลมตีบ หายใจติดขัด และอาจเสียชีวิตได้ ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงได้ติดตามการใช้สารดังกล่าวอย่างใกล้ชิดในช่วงที่ผ่านมา และเป็นนโยบายชัดเจนว่า กรณีที่สถานเสริมความงามหลายแห่ง รวมทั้งคลินิกความงาม มีการกระทำผิดกฎหมาย จะดำเนินการเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค สำหรับการพัฒนาการให้บริการที่ผิดกฎหมาย ทั้งในรูปของรถโมบาย ให้บริการในรถ รวมทั้งการโฆษณาทางเคเบิลทีวี กระทรวงสาธารณสุขกำลังติดตามเรื่องนี้อยู่ จึงขอเรียนให้ทราบว่า การกระทำดังกล่าวผิดกฎหมาย คือ 1.ผิดพระราชบัญญัติยา คือลักลอบขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา 2.พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ มีความผิดประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนรับอนุญาต 3.ผิดพระราชบัญญัติสถานพยาบาล โดยดำเนินกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต และ4.ผิดตามพ.ร.บ.อาหารโดยจำหน่ายอาหารเสริมที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนอย. ทั้งหมดนี้ขอฝากเตือนผู้ที่คิดจะไปรับบริการว่าไม่ควรไป เพราะเป็นการใช้สารฉีดที่ผิดกฎหมาย นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ปกติสารนี้จะใช้รักษาโรคมะเร็งในตับ ตับอักเสบ อย่างไรก็ตาม นอกจากผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นอันตรายกับตัวผู้รับบริการด้วย ได้มอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร ไปยังสถานพยาบาลและคลินิกเสริมความงามทั่วประเทศ ให้เคร่งครัดในเรื่องการปฏิบัติตามกฎหมาย คือห้ามใช้สารกลูต้าไธโอนเพื่อการเสริมความงาม กระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป โดยประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสร้องเรียนการกระทำลักษณะนี้ได้ ที่สายด่วนอย. 1556 หรือต่างจังหวัดแจ้งที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ทางด้านนายแพทย์พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า อย.ยังไม่ได้รับขึ้นทะเบียนสารกลูต้าไธโอน สารที่มีใช้ในขณะนี้ถือว่าเป็นการลักลอบผิดกฎหมาย ยังไม่มีตัวเลขการลักลอบที่ชัดเจน ข้อมูลที่มีได้จากคำบอกเล่าจากที่ผู้รับบริการฉีดแล้วเกิดอาการแพ้ จึงไม่กล้าเปิดเผยตัว ส่วนที่เคยเห็นการโฆษณาทางเคเบิลทีวี อย.ได้ดำเนินการลงโทษปรับ และให้หยุดโฆษณาแล้ว “ค่านิยมการฉีดสารให้หน้าขาวสวย ในกลุ่มวัยรุ่นขณะนี้น่ากลัวมาก ยิ่งการฉีดในรถจะมีอันตรายมาก เนื่องจากผู้ที่ฉีดไม่มีความรู้ การป้องกันใบหน้าดำมีวิธีที่ปลอดภัยหลายวิธีเช่น ใช้ครีมกันแดด กินอาหารครบ 5 หมู่ ” นายแพทย์พิพัฒน์กล่าว ทั้งนี้ ในปี 2552 อย.ได้จับกุมการนำเข้าสารกลูต้าไธโอนที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้วจำนวน 10,000 หลอด แต่ก็ยังมีการลักลอบนำเข้ามาใช้อยู่ ทางด้านนายแพทย์นรา นาควัฒนกุล อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า การประกอบวิชาชีพเวชกรรมจะต้องขึ้นทะเบียนอนุญาต และต่อใบอนุญาตทุก 2 ปี การเปิดดำเนินการจะต้องมีใบอนุญาตและมีรูปผู้รับอนุญาตติดไว้ที่สถานพยาบาล ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานและถูกต้องตามกฎหมาย ผู้ให้บริการเป็นแพทย์จริง หากไม่มีใบอนุญาตก็ถือว่าเป็นสถานพยาบาลเถื่อน และเป็นหมอเถื่อน ดังนั้นหากประชาชนพบเห็นสถานพยาบาลเถื่อน หมอเถื่อนซึ่งไม่ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถแจ้งได้ที่กองการประกอบโรคศิลปะ โทรศัพท์ 0 2590 1997 ต่อ 601 ขณะนี้ในกทม.มีสถานพยาบาลและคลินิกเสริมความงาม 160 แห่ง ได้สุ่มตรวจเป็นระยะ และเชิญผู้ประกอบวิชาชีพด้านนี้ เพื่อให้ความรู้ในเรื่องมาตรฐาน ความปลอดภัยต่อผู้ใช้บริการ สำหรับการฉีดสารกลูต้าไธโอนเพื่อทำให้หน้าขาวนั้น เป็นการฉีดตามความเชื่อ ยังไม่มีองค์ความรู้ที่ถูกต้อง หรืองานวิจัยสนับสนุน ดังนั้นกรมสนับสนุนบริการสุขภาพจะประสานงานกับแพทยสภา เพื่อช่วยตรวจสอบมาตรฐานว่าการฉีดสารนี้ได้ผลจริงหรือไม่ ***************************************** 3 กุมภาพันธ์ 2553


   
   


View 16    03/02/2553   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ