“ผลสำรวจ!!!  ประชาชนเลือกใช้บริการสถานบันเทิง เน้นนั่งชิล ร้อยละ 83 รองลงมามีคาราโอเกะ ติดแอร์ และดื่มแอลกอฮอล์


จากผลการสำรวจการเฝ้าระวังการตัดสินใจต่อมาตรการปลดล็อกสถานบันเทิงในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 17 – 30 มิถุนายน 2565  โดยกลุ่มเฝ้าระวังและเตือนภัยพฤติกรรมสุขภาพ กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ผ่านระบบออนไลน์ (Google Form) ได้รับความร่วมมือจากสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาและวิทยาลัยเทคนิคในพื้นที่เป้าหมาย อายุ 20 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 80 เพศชาย ร้อยละ 20  ตอบแบบสอบถาม จำนวน 7,507 ราย พบว่า มีประชาชนเลือกไปสถานบันเทิงร้อยละ 16.5 โดยเลือกไปสถานบันเทิง 6 รูปแบบ ดังนี้

  1. สถานบันเทิงแบบนั่งชิล ร้อยละ 83.43
  2. สถานบันเทิงที่มีคาราโอเกะ ร้อยละ 47.37
  3. สถานบันเทิงที่ติดแอร์ ร้อยละ 45.03
  4. สถานบันเทิงที่มีกิจกรรมเต้นรำ และเต้นรวมกลุ่ม ร้อยละ 44.7
  5. สถานบันเทิงที่ขายแอลกอฮอล์แบบพนักงานผสมเครื่องดื่มให้ ร้อยละ 40.66
  6. สถานบันเทิงที่มีคู่บริการ เช่น พนักงานนั่งดริ๊งก์/เชียร์เครื่องดื่ม ร้อยละ 28.94

อย่างไรก็ตามแม้ว่าการปลดล็อกสถานบันเทิงเพื่อผ่อนคลายจากการระบาดเชื้อโควิด 19 ที่กลายเป็นโรคประจำถิ่นและเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจก็ตาม หากแต่พฤติกรรมการใช้บริการสถานบันเทิงในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการร้องคาราโอเกะ การไปในสถานบันเทิงที่ติดแอร์ อากาศปิดไม่ถ่ายเท มีการเต้นรำและเต้นรวมกลุ่ม รวมทั้งการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่อาจมีการใช้แก้วร่วมกันได้นั้น เหล่านี้ล้วนเป็นพฤติกรรมเสี่ยงที่ส่งผลต่อการแพร่กระจายโรคโควิด 19 ได้ ดังนั้นในการเปิดสถานบันเทิงในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ต่าง ๆ จึงต้องให้ความร่วมมือลงทะเบียนและประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์ม Thai Stop COVID 2Plus (TSC 2+) ต้องจัดให้มีผู้รับผิดชอบควบคุมกำกับการปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด 19 ขั้นสูงสุดแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention : UP) อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ แยกสํารับ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่รับประทานร่วมกันในสถานบันเทิงอย่างเข้มงวด และหากสงสัยว่าตนเองเสี่ยงควรตรวจด้วย ATK ทุก 3 - 5 วัน เพื่อคัดกรองเบื้องต้น เพื่อความปลอดภัยการแพร่กระจายไปยังกลุ่มเพื่อน และในครอบครัวต่อไป

D-M-H-T-T-A คือ เว้นระยะห่าง-สวมหน้ากากทุกครั้ง-ล้างมือบ่อยๆ-ตรวจวัดอุณหภูมิ-ตรวจเร็วควบคุมไว-ไปไหนสแกนไทยชนะ

แหล่งข้อมูล  : กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข

        กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

วันที่       7 กรกฎาคม 2565


จากหน่วยงาน : กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดดู 566 view
วันที่ประกาศข่าว : 7 กรกฎาคม 2565 เวลา 12:11 น.