ฉีดวิตามินเข้าหลอดเลือด อันตรายถึงชีวิต


กรมการแพทย์  โดยสถาบันโรคผิวหนัง  เตือนการฉีดวิตามินเข้าทางหลอดเลือดอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้  เพราะทางการแพทย์ยังไม่มียา หรือเวชภัณฑ์ตัวไหนที่มีสรรพคุณทำให้ผิวขาว การนำสารอื่นๆ มาผสมและฉีดเข้าด้วยตัวเอง มีโอกาสติดเชื้อในกระแสเลือดและมีอาการแทรกซ้อนได้

นายแพทย์มานัส  โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์  และโฆษกกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวเผยแพร่ใน Social ที่มีการโพสต์ภาพการสอนฉีดวิตามินเร่งผิวขาวที่เส้นเลือดหลังฝ่ามือซึ่งถูกแชร์ต่อลงใน TikTok ขอเรียนว่า ปัจจุบันการฉีดวิตามินเข้าทางหลอดเลือดเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในสถานความงาม  โดยเชื่อกันว่าวิธีบริหารวิตามินหรือสารต่างๆ ทางหลอดเลือดดำ จะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินหรือสารเหล่านั้นโดยตรง  โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการดูดซึมที่ระบบทางเดินอาหาร ในปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือที่จะยืนยันถึงประโยชน์ของการฉีดวิตามินเข้าทางหลอดเลือดต่อผิวหนัง

แพทย์หญิงมิ่งขวัญ  วิชัยดิษฐ  ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง  กรมการแพทย์  ให้คำแนะนำว่า การฉีดวิตามินหรือสารต่างๆ ทางหลอดเลือดดำ อาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต จากการมีฟองอากาศในหลอดเลือด การฉีดด้วยอุปกรณ์ที่ไม่สะอาดหรือไม่ได้ใช้วิธีการที่ปราศจากเชื้อ ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ อาจเกิดปฏิกิริยาแพ้ที่รุนแรงได้  ถ้าไม่อยู่ในสถานพยาบาลอาจช่วยชีวิตไม่ทัน อาการเบื้องต้นที่ควรเฝ้าระวังได้แก่ อาการคลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ ปวดท้อง ใจสั่น เหงื่อแตก แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หรือมีผื่นขึ้นทั่วตัว  นอกจากนี้ การบริหารสารน้ำใดๆ ทางหลอดเลือดดำควรกระทำโดยบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับใบอนุญาตในการทำหัตถการ มิเช่นนั้นอาจเกิดอันตรายได้  จะเห็นได้ว่าหากการฉีดวิตามินหรือสารต่างๆ ทางหลอดเลือดดำนั้นทำในสถานพยาบาลที่ไม่มีความพร้อมทั้งเครื่องมือและบุคลากรทางการแพทย์ในการเฝ้าระวังและรักษา กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินอาจเกิดอันตรายต่อผู้เข้ารับการฉีดได้  หากเกิดเหตุที่จะต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน     

ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง  กล่าวเพิ่มเติมว่า สังคมควรปรับค่านิยมให้เห็นว่า  ผิวทุกสีก็สวยได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นผิวขาวอย่างเดียว การดูแลผิวพรรณที่ถูกวิธีเริ่มต้นจากการทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี ดื่มน้ำที่เพียงพอ ทาครีมบำรุงตามความจำเป็นเพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นที่เหมาะสม  ลดปัจจัยต่างๆ ที่อาจจะทำลายผิว เช่น หลีกเลี่ยงแสงแดดที่แรงและมลภาวะต่างๆ เป็นต้น   

ขอขอบตุณ

สสส.

กรมการแพทย์  สถาบันโรคผิวหนัง


จากหน่วยงาน : สำนักสารนิเทศ เปิดดู 566 view
วันที่ประกาศข่าว : 1 เมษายน 2564 เวลา 14:10 น.