สธ.-ภาคีเครือข่าย พัฒนาสุขศาลาพระราชทาน สนองพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี


        กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับภาคีเครือข่าย ถอดบทเรียน แลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาสุขศาลาพระราชทาน เป็นที่พึ่งด้านสุขภาพขั้นพื้นฐาน นักเรียนและประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ทุรกันดาร สนองพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี 

        วันนี้ (9 กันยายน 2563) ที่โรงแรมรอยัล พลาคลิฟบีช รีสอร์ท อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ มอบนโยบายการขับเคลื่อนและพัฒนาสุขศาลาพระราชทาน ในการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้สู่การต่อยอดการพัฒนาสุขศาลาพระราชทาน โดยมีผู้ปฏิบัติงานในสุขศาลาพระราชทาน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) พี่เลี้ยงจากกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงพยาบาลแม่ข่าย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด บริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) และบุคลากรกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค ร่วมนำเสนอผลการดำเนินงาน แลกเปลี่ยนเรียนรู้องค์ความรู้และประสบการณ์ เพื่อนำไปพัฒนาศักยภาพสุขศาลาพระราชทาน

     ดร.สาธิตกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข  ให้ความสำคัญกับการพัฒนางานสาธารณสุขตามแนวพระราชดำริและโครงการเฉลิมพระเกียรติ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการ มีสุขภาพดี โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายพัฒนาการดำเนินงานสุขศาลาพระราชทานในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2549  จำนวน 9 แห่ง ตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทั้งการจัดสรรงบประมาณ การบริหารจัดการ การประสานความร่วมมือภาคีเครือข่าย พัฒนาสุขศาลาพระราชทานให้มีศักยภาพสูงขึ้น เป็นที่พึ่งด้านสุขภาพแก่นักเรียนและประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ทุรกันดาร พื้นที่ตามแนวชายแดนและพื้นที่พิเศษด้านความมั่นคง ปัจจุบันมีสุขศาลาพระราชทาน เพิ่มเป็น 22 แห่ง ทั้งในโรงเรียน/ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ศูนย์การเรียนรู้ชาวไทยภูเขา และองค์การบริหารส่วนตำบล กระจายอยู่ในพื้นที่ห่างไกลใน 10  จังหวัด ได้แก่ เชียงราย น่าน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ยะลา และนราธิวาส

        ดร.สาธิตกล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายและกลไกการพัฒนาสุขศาลาพระราชทาน ประกอบด้วย พัฒนาระบบและกลไกการบริหารจัดการของสุขศาลาพระราชทานแบบมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย มุ่งเน้นให้เกิดการบริหารจัดการสุขศาลาพระราชทานโดยคณะกรรมการพัฒนาสุขศาลาพระราชทานทุกระดับส่งเสริมและพัฒนาสุขศาลาพระราชทานให้เป็นเครือข่ายบริการสาธารณสุขระดับปฐมภูมิ และพัฒนาระบบการรักษาทางไกล (Telemedicine) และระบบการส่งต่อ พัฒนาสุขภาพภาคประชาชนและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ ส่งเสริมให้ประชาชนมีความรอบรู้ด้านสุขภาพสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพที่ดี พัฒนาภาคีเครือข่ายและศักยภาพกำลังคนภาคประชาชน อาทิ ปราชญ์ชาวบ้าน อสม. อสม.น้อย แกนนำสุขภาพนักเรียน เพื่อร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพในชุมชน พัฒนาศักยภาพบุคลากรและกำลังคนด้านสุขภาพ เจ้าหน้าที่เครือข่าย และ อสม.ผู้ปฏิบัติงานในสุขศาลาพระราชทานให้มีศักยภาพด้านบริหารจัดการและการรักษาพยาบาล เพิ่มวุฒิการศึกษาบุคลากร และสร้างความเข้มแข็งทีมพี่เลี้ยง

         “กระทรวงสาธารณสุขและภาคีเครือข่าย ได้ทุ่มเทสรรพกำลังสนองงานตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี พัฒนาสุขศาลาพระราชทานให้เป็นที่พึ่งด้านสุขภาพขั้นพื้นฐานที่มีคุณภาพเพื่อนักเรียนและประชาชนในถิ่นทุรกันดารห่างไกล เพิ่มการเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานของรัฐ ลดความเหลื่อมล้ำ” ดร.สาธิตกล่าว     

  **************************************

  ************************************  9 กันยายน 2563


จากหน่วยงาน : กลุ่มภารกิจด้านข่าวและสื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักสารนิเทศ เปิดดู 566 view
วันที่ประกาศข่าว : 9 กันยายน 2563 เวลา 12:05 น.