กรมการแพทย์แผนไทยฯ จับมือภาคีเครือข่าย กทม. สถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม ร่วมรณรงค์สร้างความเข้าใจประชาชน การใช้กัญชาอย่างถูกต้อง Kickoff ที่แรก ถนนข้าวสาร


 กรมการแพทย์แผนไทยฯ จับมือภาคีเครือข่าย กทม. สถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม ร่วมรณรงค์สร้างความเข้าใจประชาชน การใช้กัญชาอย่างถูกต้อง Kickoff ที่แรก ถนนข้าวสาร  


                            กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกับภาคีเครือข่าย เปิดตัวกิจกรรม สร้างความเข้าใจให้กับประชาชนหลังจากปลดล็อกกัญชา ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 จุดประสงค์หลักต้องให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ แต่จะต้องดำเนินการควบคู่กันไป พร้อมกับการควบคุมเพื่อการคุ้มครองบุคคล และสังคม เพื่อไม่ให้ได้รับอันตรายที่อาจเกิดจากการบริโภค กัญชา และการป้องกันการใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย  


                             วันนี้ (12 กรกฏาคม 2565) ที่ ถนนข้าวสาร นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พร้อมด้วย ผู้บริหารและบุคลากรกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกับ สถานีตำรวจนครบาล    ชนะสงคราม และ สำนักงานเขตพระนคร ทีมเทศกิจ เขต กทม.ร่วมกิจกรรมลงพื้นที่ตรวจสอบ ติดตาม กำชับ สื่อสาร        สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนผู้ประกอบการ ร้านค้า สถานบันเทิง ในการใช้กัญชาอย่างถูกต้อง บริเวณถนนข้าวสาร 
                             นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า สถานะกัญชา ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เป็นสมุนไพรที่มีค่าต่อการศึกษาหรือวิจัย และมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เพื่อใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ และเศรษฐกิจชุมชน กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ทำความเข้าใจเพิ่มเติมกับประชาชนเกี่ยวกับประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ แต่มีบางกลุ่มที่ไม่ใส่ใจ แสวงหาผลประโยชน์แบบผิดกฎหมาย ที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ประกาศฉบับดังกล่าว             ได้มีสาระสำคัญแฝงอยู่ 3 เรื่อง ได้แก่ 1.คุ้มครองกลุ่มเปราะบาง ไม่ให้เข้าถึงกัญชา กัญชง สารสกัด ไม่ว่าจะมีใบอนุญาตหรือไม่มีใบอนุญาต ห้ามขายให้บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปี, สตรีมีครรภ์, สตรีให้นมบุตร 2. เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม    แพทย์แผนไทยแพทย์แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย สามารถใช้องค์ความรู้ จากกัญชาอย่างกว้างขวาง และ 3.ผู้ป่วยสามารถนำมากัญชามาใช้ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพตามวัยอย่างปลอดภัยและเหมาะสมตามประกาศดังกล่าว จะสอดคล้องกับมาตรา 46 ที่อยู่ในพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์ แผนไทย      พ.ศ.2542 เนื่องจากการศึกษา วิจัยและพัฒนา ถือเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ประโยชน์ ที่ได้รับการอนุญาตไปแล้ว ไม่มีเจตนารมณ์    ที่จะไปดำเนินการทางกฎหมายกับประชาชนโดยทั่วไป ที่มีกัญชาไว้ในครอบครองหรือนำมาใช้ประโยชน์ หากไม่ดำเนินการที่ขัดกับประกาศดังกล่าว   
                                นายแพทย์ยงยศ กล่าวในตอนท้ายว่า ผมมั่นใจว่า กัญชาถือเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าควรแก่การคุ้มครองไม่ให้ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดจนเกิดความเสียหายกับคุณค่าของสมุนไพรดังกล่าว และไม่ต้องการที่จับกัญชามาขังกรงอีกต่อไป ล่าสุด กรมการแพทย์     แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้จัดทำหนังสือชุดตำราภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ฉบับอนุรักษ์ ตำรับยาแผนไทยของชาติ     ที่เข้าตัวยากัญชา ฉบับแรกของประเทศไทย ประชาชนที่สนใจสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก https://www.dtam.moph.go.th/E-Book/ptmk/ptmk-ganja/index.html 
 
           ………….……………………………..………..12 กรกฎาคม 2565………………………………………..…..

ที่มา / กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก


จากหน่วยงาน : สำนักสารนิเทศ เปิดดู 566 view
วันที่ประกาศข่าว : 12 กรกฎาคม 2565 เวลา 14:43 น.