กรมอนามัย ห่วง เนอสซิ่งโฮมดูแลผู้สูงอายุ หวั่นเกิดคลัสเตอร์ใหม่ หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19


กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ห่วง เนอสซิ่งโฮมดูแลผู้สูงอายุ เนื่องจากส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว หากพบมีผู้ติดเชื้อ ต้องแยกออกจากที่พักทันที เพราะหากอยู่รวมกันหวั่นเกิดเป็นคลัสเตอร์ใหม่ พร้อมย้ำผู้ดูแลต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ลดความเสี่ยงต่อการติดและแพร่เชื้อโควิด-19

               นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากกรณีเนอสซิ่งโฮมดูแลผู้สูงอายุ   แห่งหนึ่งย่านบางเขน ซึ่งมีผู้สูงอายุติดเตียงและคนดูแล อาศัยอยู่รวมกัน จำนวน 9 ราย พบติดเชื้อโควิด-19 จำนวน   6 ราย เป็นผู้สูงอายุ 5 ราย และผู้ดูแล อีก 1 ราย แต่ยังคงพักรักษาตัวอยู่ในบ้านหลังเดียวกันทั้งหมด รวมถึงผู้ดูแล ที่ติดเชื้อโควิด-19 ก็ยังคงต้องดูแลผู้สูงอายุที่ไม่ติดเชื้ออยู่เช่นเดิม ทำให้โอกาสในการแพร่เชื้อไปสู่คนที่เหลือสูงมาก ดังนั้น หากเนอสซิ่งโฮมดูแลผู้สูงอายุแห่งอื่นพบกรณีเดียวกับข้างต้น ควรให้ผู้สูงอายุติดเชื้อหรืออยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง กักตนเองเองและเข้าสู่ระบบการรักษาต่อไป และขอความร่วมมือเนอสซิ่งโฮมดูแลผู้สูงอายุทุกแห่งประเมินตนเองตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขโดยใช้แพลตฟอร์ม Thai Stop COVID Plus ซึ่งเป็นข้อแนะนำทางด้านสาธารณสุขในการป้องกันการแพร่ระบาด ประกอบด้วยมาตรการ และแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการ ผู้ปฏิบัติงาน และแนวทางการปฏิบัติกรณีพบผู้ติดเชื้อ ส่วนผู้ดูแลผู้ป่วย ถ้าอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง หรือติดเชื้อ ต้องงดเข้าใกล้หรือดูแลผู้สูงอายุโดยเด็ดขาด  ซึ่งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในผู้สูงอายุ      นับเป็นหนึ่งกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคระบบทางเดินหายใจ ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคได้ง่าย และอาจมีอาการอย่างรุนแรงมากกว่ากลุ่มวัยอื่น

                 นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า การปฏิบัติเพื่อป้องกันโควิด-19 ต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดในทุกด้านตั้งแต่ 1) จัดให้มีจุดคัดกรองสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานผู้มาติดต่อและญาติ บริเวณทางเข้าอาคารที่ครอบคลุมผู้มารับบริการทุกคน 2) ทำความสะอาดจุดหรือบริเวณที่มีการใช้ร่วมกัน  เช่น บริเวณห้องน้ำ ห้องส้วม  โดยเน้นที่จุดเสี่ยงต่างๆ ได้แก่ โถส้วม ที่กดชักโครกหรือโถปัสสาวะ สายฉีดชำระ กลอน หรือลูกบิดประตู ฝารองนั่ง 3) จัดให้มีภาชนะรองรับมูลฝอยที่เกิดจากการดูแล หรือให้การพยาบาลผู้สูงอายุที่มีฝาปิดมิดชิด กรณีสถานดูแลผู้สูงอายุมีโรงครัวหรือโรงอาหาร ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลอาหาร และล้างมืออย่างสม่ำเสมอด้วยสบู่และน้ำก่อนหยิบหรือจับอาหาร สวมหน้ากากขณะปฏิบัติงาน 4) จัดให้มีภาชนะและของใช้ส่วนตัวสำหรับผู้สูงอายุ และ 5) งดหรือหลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมที่มีการชุมนุมของผู้สูงอายุในกรณีที่มีการรับบริจาคเงินควรบริจาคผ่านระบบออนไลน์ เพื่อเป็นการลดการแพร่และกระจายเชื้อโควิด-19 ที่ระบาดอยู่ในขณะนี้

                “นอกจากนี้ ผู้ปฏิบัติงานและเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลผู้สูงอายุ ควรหมั่นทำความสะอาด เตียงนอน เครื่องใช้ราวจับ กายอุปกรณ์ ที่นอนลม อุปกรณ์ช่วยเดินอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ด้วยน้ำยาทำความสะอาดและเข้มงวดเรื่องการคัดกรองผู้ปฏิบัติงานและผู้มาติดต่อ โดยใช้ระบบประเมินตนเองผ่านเว็บไซต์ “ไทยเซฟไทย” ก่อนเข้าปฏิบัติงาน เพื่อประเมินความเสี่ยงรายบุคคล ส่วนการให้บริการต้องดูแลตามมาตรฐานการดูแลผู้สูงอายุ ควบคู่กับการดูแลตัวเอง ด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นสังเกตตนเอง หากพบมีอาการไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก หรือเหนื่อยหอบ ให้แจ้งผู้ประกอบการสถานดูแลผู้สูงอายุและไปพบแพทย์ทันที ทั้งนี้ ผู้ดูแลผู้ต้องเน้นย้ำให้ผู้สูงอายุสร้างสุขอนามัยที่ดีด้วยการล้างมือบ่อยๆด้วยสบู่และน้ำนาน 20 วินาทีหรือทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์    ทุกครั้ง ก่อนกินอาหารและหลังเข้าส้วม หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน กินอาหารที่ปรุงสุกร้อนอย่างทั่วถึง ใช้ช้อนกลางส่วนตัว รักษาระยะห่างจากบุคคลอื่น 1–2 เมตรและดูแลสุขภาพ ให้แข็งแรงออกกำลังกายสม่ำเสมอ” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว        

***

ศูนย์สื่อสารสาธารณะ /  22  มิถุนายน 2564


จากหน่วยงาน : กรมอนามัย เปิดดู 566 view
วันที่ประกาศข่าว : 22 มิถุนายน 2564 เวลา 11:16 น.