กรม สบส.เผยผลสอบ กรณีมีการแชร์ว่อนเน็ต “นวดเท้าแล้วแท้ง”


รม สบส.เผยผลการตรวจสอบกรณีมีการแชร์ข่าวว่อนเน็ต “นวดเท้าแล้วแท้ง”เหตุเกิดที่เชียงใหม่ พบว่าร้านนวดที่เกิดเหตุมีใบอนุญาตถูกต้อง ด้านพนักงานนวดก็มีใบรับรองการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการทุกคน ส่วนสาเหตุการช็อคของแม่และการแท้งลูกจะเกี่ยวกับการนวดหรือไม่ ต้องรอผลวินิจฉัยจากแพทย์

               วันนี้(6 กุมภาพันธ์ 2562) นายแพทย์ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้นายแพทย์ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล ผู้อำนวยการกองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพทำการประสานไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่(สสจ.เชียงใหม่)และสำนักงานสนับสนุนบริการสุขภาพ เขต1(สบส.เขต1)จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทำการตรวจสอบกรณีมีการแชร์ข่าวในอินเตอร์เน็ตว่าเกิดเหตุ “นวดเท้าแล้วแท้ง” ใน 3 ประเด็นคือ ร้านนวดที่เป็นข่าวมีใบอนุญาตประกอบกิจการหรือไม่ พนักงานนวดในร้านมีใบรับรองการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพแล้วหรือไม่ และสาเหตุการช็อคของผู้รับบริการรวมถึงการเสียชีวิตของเด็กในครรภ์เกี่ยวกับการนวดหรือไม่

               ด้านนายแพทย์ภัทรพลเปิดเผยว่าได้รับรายงานผลการตรวจสอบจากสสจ.เชียงใหม่และสบส.เขต1แล้วว่าร้านนวดดังกล่าวได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพตามพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 ประเภทนวดเพื่อสุขภาพ เลขที่ใบอนุญาต สส500200343-60 และพนักงานนวดทุกคนมีใบรับรองการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการฯแล้ว โดยภายในร้านมีการแสดงข้อความคำเตือนว่า “ผู้มีอาการป่วยหรือตั้งครรภ์ต้องแจ้งแก่ผู้ให้บริการและต้องนวดด้วยความระมัดระวัง” ส่วนการนวดจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นแม่ช็อคและทารกในครรภ์เสียชีวิตหรือไม่นั้น ยังอยู่ระหว่างการวินิจฉัยจากแพทย์ของโรงพยาบาล

               ทั้งนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขได้มีการประชาสัมพันธ์ย้ำเตือนอยู่เสมอว่าร้านนวดทุกร้านควรให้บริการด้วยความระมัดระวัง พนักงานควรสังเกตอาการของผู้มารับบริการตั้งแต่เดินเข้าร้านว่ามีอาการบาดเจ็บหรือมีความผิดปกติตรงไหนหรือไม่ ต้องมีการซักประวัติของผู้รับบริการก่อนที่จะให้บริการทุกครั้งว่ามีโรคประจำตัว บาดเจ็บ เคยผ่าตัด ประสบอุบัติเหตุ หรือกำลังตั้งครรภ์หรือไม่ หากประเมินแล้วมีความเสี่ยงก็ไม่ควรให้บริการ ส่วนผู้รับบริการเองหากมีโรคประจำตัว บาดเจ็บ หรือตั้งครรภ์ก็ต้องแจ้งให้แก่พนักงานทราบด้วยเช่นกัน เพื่อความปลอดภัยของผู้รับบริการ.


จากหน่วยงาน : กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดดู 566 view
วันที่ประกาศข่าว : 6 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 16:04 น.