รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมปลัดกระทรวงฯ ตรวจเยี่ยมการดูแลรักษาผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุไฟคลอกรถทัวร์จากยโสธร โดยวันนี้มีผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เหลือนอนรักษาตัว 23 ราย ที่ ร.พ.สระบุรี ร.พ.พระพุทธบาท และร.พ.มหาราชนครราชสีมา ในจำนวนนี้อาการหนัก 5 ราย ได้กำชับให้ป้องกันการติดเชื้อเต็มที่ และตั้งศูนย์ประสานงานผู้ป่วยและญาติ ที่ ร.พ.สระบุรี ส่วนผู้ป่วยที่กลับบ้านได้มี 10 ราย
บ่ายวันนี้ (21 มีนาคม 2550) นายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ดร.กาญจนา กาญจนสินิทธิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย ผู้อำนวยการศูนย์นเรนทร เดินทางไปตรวจเยี่ยมติดตามความคืบหน้าในการรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ จากอุบัติเหตุรัถทัวร์บริษัทศรีสงวนยานยนต์ สายยโสธร-กรุงเทพฯ เกิดเหตุไฟไหม้ พลิกคว่ำที่ถนนมิตรภาพ บริเวณตรงข้ามโรงพยาบาลมวกเหล็ก จ.สระบุรี เมื่อเวลา 15.10 น.วานนี้ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 29 ราย บาดเจ็บถูกไฟครอกทั้งหมด 34 ราย
นายแพทย์มงคล กล่าวว่า ขณะนี้ทีมแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้การดูแลรักษาผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่ ซึ่งทุกรายถูกไฟไหม้ ล่าสุดวันนี้เวลา 14.00 น. มีผู้ป่วยอยู่ในโรงพยาบาลทั้งหมด 23 ราย แพทย์ให้กลับบ้านได้ 10 ราย โดยอยู่ที่ ร.พ.สระบุรี 14 ราย ส่วนใหญ่มีบาดแผลไฟไหม้ที่ใบหน้า ลำคอ ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 10 ราย มีอาการหนัก 2 ราย ไฟไหม้ทั้งตัว ลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ คือนายลำพูน จักรพน อายุ 40 ปี ซึ่งเสียชีวิตเมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ และหญิงไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 19 ปี มีเลือดออกในสมอง ไม่รู้สึกตัว แพทย์ผ่าตัดระบายเลือดในสมองออก มีแผลไฟไหม้ที่มือและเท้า ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลืออีก 12 ราย รู้สึกตัว มีบาดแผลไฟไหม้ 9-24 เปอร์เซ็นต์ สำหรับที่ ร.พ.พระพุทธบาท มี 3 ราย ในจำนวนนี้อาการหนัก 2 ราย คือนายบัณฑิต ศรีชา อายุ 51 ปี ถูกไฟไหม้ 30 เปอร์เซ็นต์ของร่างกาย ที่ใบหน้า แขน ขา ลำคอ นอนห้องไอซียู แพทย์ใส่เครื่องช่วยหายใจ ต้องดูแลใกล้ชิด อีก 1 รายคือเด็กหญิงรัตนามน จำปาดี อายุ 10 ปี มีบาดแผลไฟไหม้ 30 เปอร์เซ็นต์ ลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ ใส่ท่อและใช้เครื่องช่วยหายใจ ขณะนี้ความดันโลหิตต่ำมาก จากภาวะช็อค รายที่ 3 เด็กชายวิทวัส มูลราด อายุ 14 ปี มีบาดแผลไฟไหม้ 32 เปอร์เซ็นต์ตามหน้า ลำคอ บาดแผลค่อนข้างลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ อาการดีขึ้นแล้ว หายใจได้เอง
ส่วนที่ ร.พ.มหาราชนครราชสีมา มี 6 ราย ส่งตัวจากโรงพยาบาลปากช่องนานา ในจำนวนนี้อาการหนัก 2 ราย ได้แก่ 1.นางสาวสิรินทร์ รัตนธรรม อายุ 15 ปี ม้ามแตก แพทย์ผ่าตัดเย็บม้ามให้ เสียเลือดค่อนข้างมาก ไฟไหม้ 10 เปอร์เซ็นต์ ลึกถึงหนังกำพร้า ใช้เครื่องช่วยหายใจ วันนี้รู้สึกตัวดี เริ่มมีไข้จากการสูญเสียน้ำในร่างกาย แพทย์ให้ยาปฏิชีวนะ 2.นายประเจน ทรัพย์ศิริรัตน์ อายุ 54 ปี สำลักควันไฟ หายใจเองไม่ได้ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ มีแผลไฟไหม้ 25 เปอร์เซ็นต์ ที่หน้า อก ลึกเกือบชั้นกล้ามเนื้อ รู้สึกตัวดี แพทย์ห่วงน้ำท่วมปอด นอนอยู่ห้องแยกปลอดเชื้อ ที่เหลืออีก 4 ราย ได้แก่ 1.นางอุไร ชาสมบัติ อายุ 52 ปี ใส่ท่อทางเดินหายใจ ไฟไหม้ 55 เปอร์เซ็นต์ ที่ใบหน้า แขน ขา เท้าข้างซ้ายหัก รู้สึกตัวดี 2.นางละไม เทือกสีบุญ อายุ 53 ปี ไฟไหม้ 45 เปอร์เซ็นต์ ที่ใบหน้า แขนทั้ง 2 ข้าง ขาข้างซ้ายหัก ให้ออกซิเจน รู้สึกตัวดี 3.เด็กหญิงทิพวัลย์ แดนวัง อายุ 14 ปี ไฟไหม้ 55 เปอร์เซ็นต์ ที่หน้า แขนขาทั้ง 2 ข้าง รู้สึกตัวดี ใส่ท่อทางเดินหายใจและให้ออกซิเจน และ 4.นายธีรยุทธ์ ตันไธสง อายุ 18 ปี ไฟไหม้ 35 เปอร์เซ็นต์ มีแผลตามแขน ลำตัว ขาซ้ายหัก แพทย์ดามเฝือกไว้
นายแพทย์มงคลกล่าวตอไปว่า เหตุการณ์ครั้งนี้นับว่าเป็นอุบัติเหตุหมู่ครั้งใหญ่สุดและรุนแรงมากในรอบ 3 เดือนนี้ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นเพราะความไม่สมบูรณ์ของตัวรถ และคนขับยังพยายามขับให้ถึงจุดหมาย โดยศพที่ถูกไฟไหม้ 29 ศพขณะนี้อยู่ที่ ร.พ.ศิริราช ในส่วนของหน่วยบริการแพทย์เคลื่อนที่เร็วหรืออีเอ็มเอส (EMS) ของกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากจุดเกิดเหตุอยู่ใกล้ ร.พ.มวกเหล็กและเครือข่ายของเราทำงานอย่างเข้มแข็ง ภายในเวลา 2 นาที ร.พ.มวกเหล็กก็ส่งหน่วยไปร่วมดูแลที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นได้แจ้งไปยัง 1669 ร.พ.สระบุรี ซึ่งแม้จะอยู่ไกลก็ได้ส่งหน่วยกู้ชีพมาช่วยในเวลาประมาณ 20 นาที รวมทั้ง ร.พ.ที่อยู่ใกล้เคียง เช่น รพ.แก่งคอย รพ.ปากช่องนานา ก็มาช่วยในเวลาที่รวดเร็วมาก ทีมงานมีความพร้อม โดยให้การรักษาเต็มที่และฟรี
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีบุคลากรไปหลายคน แต่เหตุการณ์ครั้งนี้มีความรุนแรงมาก การช่วยเหลือในจุดที่เกิดเหตุจึงทำได้ดีเฉพาะคนที่เป็นน้อย แต่ในรายที่อาการหนักเราไม่สามารถช่วยรักษาชีวิตไว้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียใจ สิ่งที่เราต้องทำต่อคือ การสนับสนุนให้หน่วยอีเอ็มเอสมีความพร้อมตลอดเวลา เพื่อช่วยชีวิตคนให้มากที่สุด นอกจากนี้ อยากวิงวอนให้สังคมช่วยกันแก้ไขปัญหา ยกระดับให้คนขับรถสาธารณะ มีความรับผิดชอบมากกว่าที่เป็นอยู่ รักในวิชาชีพ ไม่ใช่เห็นรถมีปัญหาแล้วยังฝืนขับต่อ โดยไม่คำนึงถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้น ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข จะผลักดันกฎหมายระบบการแพทย์และสาธารณสุขฉุกเฉินให้สำเร็จในปีนี้ เพื่อให้มีหน่วยงานระดับชาติครอบคลุมถึงระดับพื้นที่ ดูแลโดยตรง มีบุคลากรระดับมืออาชีพเป็นผู้จัดการ และมีหน่วยงานวิจัยเพื่อพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินให้ดีขึ้น ซึ่งต่อปีจะมีผู้ป่วยฉุกเฉินทุกประเภทเสียชีวิตปีละประมาณ 60,000 ราย
สำหรับผู้ป่วยที่ถูกไฟลวก วิธีรักษาดีที่สุดคือต้องมีผิวหนังไปคลุมทดแทน แต่ในรายที่ถูกไฟลวกมาก เราไม่สามารถเอาผิวหนังส่วนอื่นไปทดแทนให้ได้ แม้เราจะมียูนิตไฟไหม้ โอกาสที่จะรอดชีวิตจึงมีน้อย การรักษาขณะนี้ยังได้ผลไม่น่าพอใจ เพราะเทคโนโลยีการรักษาที่มีอยู่ช่วยได้ระดับหนึ่งเท่านั้น
นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า การดูแลผู้ป่วยประเภทไฟไหม้น้ำร้อนลวกนี้ ใน 24 ชั่วโมงแรก จะต้องระมัดระวังเรื่องการสูญเสียน้ำและการติดเชื้อ เนื่องจากไม่มีผิวหนังป้องกัน ขณะนี้โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปทุกแห่ง มีความพร้อมทั้งยาและเครื่องมือแพทย์ โดยขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานการช่วยเหลือญาติและผู้ป่วยจากเหตุการณ์นี้ ที่ ร.พ.สระบุรี เพื่อให้การดูแลด้านจิตใจ รวมทั้งการรักษาพยาบาล การตรวจสอบหลักฐานต่างๆ มีจิตแพทย์ดูแล 1 คน นักจิตวิทยา 2 คน นักสังคมสงเคราะห์ 4 คน ติดต่อสอบถามได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางโทร. 081-293-5700 นอกจากนี้ ทางโรงพยาบาลได้อำนวยความสะดวกเรื่องอาหาร ที่พัก ของญาติผู้ป่วย ซึ่งผู้ป่วย 1 รายจะมีญาติมาเยี่ยมประมาณ 8 ราย
สำหรับผู้ป่วยที่กลับบ้าน 10 ราย ได้แก่นายสินสมุทร อยู่โสนะ อายุ 32 ปี ด.ช.ประจวบ พิเศษภักดี อายุ 13 ปี นางประยูร พิเศษภักดี อายุ 25 ปี นายวรวุฒิ อักษรเสีย อายุ 19 ปี ด.ญ.พรรวิภา คำเรืองศรี อายุ 14 ปี นายปัญญา สาระกุล อายุ 33 ปี ด.ญ.จามชุลี ภูมิสี อายุ 12 ปี ด.ญ.สุนิสา สวนห้วนไผ่ อายุ 14 ปี ด.ญ.วลัยภรณ์ เขียวน้ำชุม อายุ 9 ปี นายสุวรรณ สาริกัน อายุ 35 ปี ทุกรายมีบาดแผลไฟไหม้เล็กน้อย ไม่ลึก แพทย์ให้กลับไปรักษาต่อที่บ้าน ให้กินยาป้องกันการติดเชื้อ และทำแผลที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทุกวัน
************************************* 21 มีนาคม 2550
View 13
21/03/2550
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ