กระทรวงสาธารณสุข เร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ประจำปี 2554 จำนวน 2.5 ล้านโดส ให้กลุ่มเสี่ยงครบ 100 เปอร์เซ็นต์ภายในสิ้นเดือนนี้ ขณะนี้ฉีดไปแล้ว ร้อยละ 70 ของเป้าหมาย วัคซีนนี้จะกระตุ้นร่างกายสร้างภูมิต้านทานโรคไขหวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ภายใน 2 สัปดาห์หลังฉีด และอยู่ได้ประมาณ 1 ปี 

            เช้าวันนี้ ( 23 สิงหาคม 2554) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำคณะพยาบาลของสถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค กระทรงสาธารณสุข จำนวน 6 คน พร้อมวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ จำนวน 2,000 โดส ฉีดให้แก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสมาชิกและเจ้าหน้าที่ประจำรัฐสภาระหว่างแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา วันที่ 23-24 สิงหาคม 2554
                     
          นายวิทยา กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงฤดูฝน เป็นฤดูกาลระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นโรคที่พบได้ทุกปีได้รับรายงานจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรคว่า ในปี 2554นี้ ตั้งแต่ 1มกราคม ถึงวันที่ 10สิงหาคม 2554พบผู้ป่วยแล้ว 21,398รายเสียชีวิต 4ราย ซึ่งน้อยกว่าปีที่ผ่านมา ที่พบผู้ป่วยจำนวน 115,183ราย เสียชีวิต126 ราย 
 
ในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่และลดผู้เสียชีวิต ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขได้จัดเตรียมวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดรวม ป้องกันได้ 3สายพันธุ์คือชนิด 2009ชนิดบี และชนิดเอ ( เอช 3เอ็น 2)ซึ่งเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล รวมทั้งหมด 2.5ล้านโดสเพื่อฉีดให้กลุ่มเสี่ยง 2กลุ่ม คือบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องให้การดูแลรักษาผู้เจ็บป่วย และประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงคือผู้สูงอายุ 65ปีขึ้นไป และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7โรคได้แก่โรคปอด โรคหอบหืด โคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตวายเรื้อรัง โรคมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด และโรคเบาหวาน จนถึงวันนี้ฉีดไปแล้ว 1.7ล้านโดสหรือร้อยละ 70 ของเป้าหมายจะฉีดให้กลุ่มเสี่ยงครบทั้งหมดภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้
 
          ด้านนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า หลังฉีดวัคซีนแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันโรคและมีผลในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ โดยภูมิต้านทานจะอยู่ในร่างกายได้ 6-12 เดือน หลังฉีดอาจจะมีอาการบวมแดงปวดหรือมีปุ่มนูนที่บริเวณรอยฉีด และอาจมีไข้ ปวดเมื่อยตามร่างกายได้ แต่อาการจะหายไปเองใน 1-2 วัน 
 
โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดต่อจากเชื้อไวรัส เชื้อจะแพร่กระจายอยู่ในลมหายใจ เสมหะ น้ำลาย น้ำมูกและติดอยู่ตามสิ่งของเครื่องใช้ของผู้ป่วย อาการมักเริ่มจากมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัวมาก มีน้ำมูก คัดจมูก ไอจาม เจ็บคอ เบื่ออาหาร และอ่อนเพลีย หากประชาชนมีอาการดังกล่าว ขอให้หยุดพักผ่อนอยู่บ้านประมาณ 5 วัน อาการจะค่อยๆดีขึ้น แต่หากอาการไม่ดีขึ้นไข้ยังไม่ลดภายใน 2วัน ขอให้คิดว่าอาจป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009  และควรไปพบแพทย์เพื่อการดูแลรักษาที่ถูกวิธี
 
นอกจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่แล้ว ยังมีวิธีป้องกันโรคโดยไม่ต้องฉีดวัคซีน โดยขอให้ประชาชนออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3ครั้ง ครั้งละประมาณ 30นาที รับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและเพิ่มภูมิต้านทานโรคให้แก่ร่างกาย โดยเฉพาะสถานที่มีประชาชนอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดคือ กินร้อน ช้อนกลางและล้างมือ คาดหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่คนอื่น หากมีไข้ต้องหยุดพักและรีบไปพบแพทย์ทันที รักษาตัวจนอาการหายดี นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าว   
**********23 สิงหาคม 2554


   
   


View 10       ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ