ปลัดกระทรวงสาธารณสุข สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่หมอกควัน ตั้งศูนย์เฉพาะกิจแก้ปัญหาผลกระทบสุขภาพประชาชน และให้ระดมอาสาสมัครสาธารณสุข ในพื้นที่กว่า 1 แสนคน เดินเคาะประตูบ้านแจกหน้ากากอนามัยให้ผู้สูงอายุ เด็ก ผู้ป่วยโรคปอด โรคภูมิแพ้ เพื่อป้องกันอันตรายจากการสูดฝุ่นละอองควันไฟ พร้อมขอความร่วมมือประชาชน งดการเผาขยะ เผาหญ้า เผาป่า เพื่อลดปริมาณหมอกควัน
นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับมาตรการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน น่าน แพร่ แม่ฮ่องสอน และพะเยา ที่ได้รับผลกระทบจากละอองฝุ่นจากหมอกควันไฟ ว่า จากการเดินทางไปติดตามผลกระทบทางสุขภาพจากหมอกควันไฟที่จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าอาการที่ประชาชนส่วนใหญ่ประสบ ประมาณร้อยละ 70 มีอาการไอ จาม แสบตา ระคายเคืองตา ประมาณร้อยละ 4 มึนศีรษะ โดยจำนวนผู้ป่วยที่เข้าตรวจรักษาที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนคือ ไข้หวัด มีวันละประมาณ 137 ราย โดย 2 ใน 3 เป็นเด็กเล็ก ในขณะที่ช่วงเดียวกันในปี 2549 มีประมาณวันละ 88 ราย
นายแพทย์ปราชญ์กล่าวต่อว่า ในการรับมือปัญหาการเจ็บป่วยจากหมอกควันของกระทรวงสาธารณสุข จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.ได้สั่งการให้ตั้งศูนย์เฉพาะกิจหมอกควันขึ้นที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั้ง 8 จังหวัด เพื่อประเมินปัญหารายวัน สามารถวางแผนให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที 2.ให้โรงพยาบาลทุกระดับในสังกัด จัดคลินิกรองรับการดูแลรักษาผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากหมอกควันเป็นการเฉพาะ และสำรองยาที่ใช้ให้เพียงพอ 3.ขอความร่วมมืออาสาสมัครสาธารณสุขหรืออสม.ในพื้นที่ ซึ่งมีประมาณ 1 แสนกว่าคน และรับผิดชอบดูแลคนละ 5-10 หลังคาเรือนอยู่แล้ว เดินเคาะประตูบ้านเพื่อแจกหน้ากากอนามัย ซึ่งสามารถป้องกันการสูดฝุ่นเข้าปอดได้ โดยเน้นกลุ่มที่มีความเสี่ยงก่อนได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ที่เป็นโรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ และให้อสม.แจกคู่มือดูแลสุขภาพจากฝุ่นหมอกควัน โดยเฉพาะขอความร่วมมือชาวบ้าน ให้ใช้วิธีขุดหลุมฝังขยะแทนการเผาทำลาย งดการเผาหญ้าหรือป่า เพื่อช่วยกันลดปริมาณฝุ่นให้มากที่สุด รวมทั้งขอความร่วมมือให้อสม.ทั่วประเทศรณรงค์รักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ไม่เผาขยะ ไม่เผาหญ้าหรือป่าในพื้นที่ด้วย
ทางด้านนายแพทย์กำจัด รามกุล ผู้อำนวยการสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากการติดตามผลการตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองในรอบ 24 ชั่วโมงวันนี้ (14 มีนาคม 2550) ที่จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณศูนย์ราชการฯ วัดได้ 304 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยวัดได้ 383 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ที่จังหวัดลำปางตรวจวัดได้ 219 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่นับว่าอยู่ในระดับเป็นอันตราย ทั้งกลุ่มที่เป็นกลุ่มเสี่ยงคือ เด็ก คนชรา คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ โรคถุงลมปอดโป่งพอง โรคหอบหืด คนสูบบุหรี่จัด และเป็นอันตรายต่อประชาชนทั่วไปด้วย วิธีการป้องกันผลกระทบที่ดีที่สุดคือ ต้องงดการออกกำลังกายนอกบ้านหรือในที่โล่งแจ้ง บ้านเรือนที่ใช้เครื่องปรับอากาศ ควรทำความสะอาดไส้กรองอากาศทุก 3 เดือน บ้านเรือนที่ใช้พัดลม ควรปิดหน้าต่างและเปิดพัดลมไล่อากาศ หันพัดลมไปทางประตูเพื่อไล่ฝุ่นละอองออกทางเดียวกัน ไม่ควรเปิดพัดลมส่าย เพราะจะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายมากขึ้น โดยก่อนออกจากบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน ทั้งนี้ ประชาชนกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ให้ระวังโรคแทรกซ้อน หากมีอาการปวดศีรษะ มีไข้ ไอ เจ็บหน้าอก ขอให้พบแพทย์ตรวจรักษาทันที
******************** 14 มีนาคม 2550
View 14
14/03/2550
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ