สาธารณสุข จัดถวาย 5โครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ประกอบด้วย การจัดตั้งสถาบันวัคซีนแห่งชาติ บริการใส่ฟันเทียมผู้สูงอายุ 3 แสนราย   ตรวจสุขภาพสตรีไทย ฟื้นฟูสภาพผู้ประสบปัญหาจากโรคเรื้อน และบริการตรวจสุขภาพประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไปทั่วประเทศฟรี ประเมินความเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน กระตุ้นให้ดูแลสุขภาพตนเอง ป้องกันการเกิดโรคหรือเจ็บป่วยรุนแรง    

          วันนี้(26 มิถุนายน 2554)นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุครบ 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554 นี้ กระทรวงสาธารณสุขได้จัด 5 โครงการเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ประกอบด้วยการจัดตั้งสถาบันวัคซีนแห่งชาติ การบริการใส่ฟันเทียมผู้สูงอายุที่ไม่มีฟันทั้งปาก บริการตรวจสุขภาพสตรีไทยอายุ 35 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก บริการตรวจสุขภาพประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไป เพื่อประเมินความเสี่ยงโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และการฟื้นฟูสภาพผู้ประสบปัญหาจากโรคเรื้อน ในโครงการราชประชาสมาสัย สืบสานพระราชปณิธาน ทั้งหมดนี้ให้บริการฟรี เริ่มทยอยตั้งแต่เดือนธันวาคม 2553 ทุกโครงการจะเสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคม 2554 ยกเว้นโครงการสถาบันวัคซีนแห่งชาติจะเสร็จสิ้นโครงการในปลายปี 2555
นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวว่า สำหรับการบริการใส่ฟันเทียมผู้สูงอายุ ดำเนินการร่วมกันหลายหน่วยงานอาทิ คณะทันตแพทยศาสตร์ทุกมหาวิทยาลัย สภาผู้สูงอายุแห่งชาติฯ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานประกันสังคม กรมบัญชีกลางและภาคเอกชน มีเป้าหมายบริการผู้สูงอายุที่สูญเสียฟันทั้งปาก ไม่มีฟันเคี้ยวอาหาร จำนวน 300,000 รายทั่วประเทศ และจัดตั้งชมรมผู้สูงอายุ อำเภอละ 1 ชมรม เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถดูแลสุขภาพช่องปากได้ด้วยตนเอง เพื่อลดการสูญเสียฟันในระยะยาว
 โครงการบริการตรวจสุขภาพประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ เพื่อประเมินความเสี่ยงโรคเบาหวานและโรความดันโลหิตสูง ซึ่งทั้ง 2 โรคนี้อยู่ในกลุ่มโรคที่เรียกว่าโรคไม่ติดต่อ แนวโน้มการป่วยสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว   กำลังเป็นปัญหาทั่วโลก รวมทั้งไทยด้วย สาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม โดยปัญหาใหญ่จะอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา เนื่องจากมีงบประมาณ เทคโนโลยีการรักษาน้อย กระทรวงสาธารณสุขจึงให้ความสำคัญ เพราะทั้ง 2 โรคนี้ป้องกันได้ โดยตรวจสุขภาพประเมินความเสี่ยงทุกปี และวางแผนการป้องกันไม่ให้ป่วย รายใดที่ป่วยแล้วก็จะป้องกันไม่ให้โรครุนแรงหรือเกิดโรคแทรกซ้อนตามมาเช่นโรคไตวาย โรคหัวใจ และจากโครงการนี้ ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดตั้งคณะกรรมการบริหารและติดตามการแก้ปัญหาทั้งระดับจังหวัดและอำเภอ เพื่อชี้นำสังคม ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพ โดยตั้งเป้าจะลดผู้ป่วยรายใหม่ปีละไม่เกินร้อยละ 5 ลดอัตราเพิ่มของผู้ป่วยทั้งโรคเข้านอนโรงพยาบาลไม่เกินร้อยละ 3 ล่าสุดนี้มีคนไทยป่วยจาก 2 โรคนี้ 3 ล้านกว่าคน

             นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่ออีกว่า สำหรับงานฟื้นฟูสภาพผู้ประสบปัญหาจากโรคเรื้อน ในโครงการราชประชาสมาสัย สืบสานพระราชปณิธานนั้น จะเน้นผู้ป่วยโรคเรื้อนที่รักษาหายแล้วแต่มีความพิการ โดยตั้งเป้าผ่าตัดตาต้อกระจกและใสเลนส์แก้วตาเทียม 40 ราย ผ้าตัดเปลี่ยนใส่กระจกตา 5 ราย และผ่าตัดข้อ ใส่ข้อเข่าเทียม 15 ราย                                      

********************** 26 มิถุนายน 2554                        



   
   


View 13       ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ