ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 เป็นวันวาเลนไทน์ วันแห่งการมอบความรักให้กันและกัน ประชาชนโดยเฉพาะเยาวชนควรจะใช้วันนี้เป็นวันแสดงความรักในทางสร้างสรรค์บนวิถีแห่งความพอเพียง เช่นบอกรักพ่อแม่ เพิ่มความรักความอบอุ่นให้ครอบครัว หรือบอกรักเพื่อนสนิท โดยไม่มีเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศมาเกี่ยวข้อง
กระทรวงสาธารณสุขมีความห่วงใยสุขภาพและอนาคตของเยาวชนไทย ได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรคสำรวจความคิดเห็นของเยาวชนอายุระหว่าง12-24 ปี ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ในหัวข้อ เยาวชนกันวันวาเลนไทน์ ร่วมกับสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการทราบพฤติกรรม การรับรู้ข้อมูลข่าวสารเรื่องโรคภัยจากสื่อต่างๆที่สามารถเข้าถึงตัวเยาวชน และวิธีการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่นในปัจจุบัน โดยใช้กลุ่มตัวอย่าง 1,012 ตัวอย่าง ดำเนินการในเดือนมกราคม 2554
ดร.พรรณสิริ กล่าวว่า ผลการศึกษาเกี่ยวกับประเด็นของทัศนคติ ค่านิยม ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของวัยรุ่นด้วย พบว่า ค่านิยมที่กลุ่มตัวอย่างไม่เห็นด้วย อันดับ 1 ได้แก่ประเด็นการมีคู่นอนพร้อมกันหลายๆคนเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เห็นด้วยร้อยละ 90 อันดับ 2 ได้แก่ประเด็นวันวาเลนไทน์เป็นวันที่ควรมีเพศสัมพันธ์กับคนรัก ไม่เห็นด้วยร้อยละ 85 อันดับ 3 ได้แก่ การทำแท้งควรทำให้เป็นเรื่องถูกกฎหมาย ไม่เห็นด้วยร้อยละ 74 ประเด็นที่กลุ่มตัวอย่างเห็นด้วย ได้แก่ กฎหมายควรระบุให้ผู้ชายมีส่วนรับผิดชอบต่อการทำแท้ง เห็นด้วยร้อยละ 83 รองลงมาได้แก่ประเด็น ผู้หญิงควรรักษาพรหมจรรย์ไว้จนกว่าจะอายุ 18 ปี เห็นด้วยร้อยละ 82 ส่วนประเด็นการทดลองอยู่ก่อนแต่งเป็นเรื่องที่สังคมปัจจุบันยอมรับได้ วัยรุ่นเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยใกล้เคียงกัน นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างยังสนับสนุนมาตรการห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ออกจากบ้านหลัง 22.00 น. ร้อยละ60
ดร.พรรณสิริกล่าวต่อไปว่า เรื่องพฤติกรรมเกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการใช้ถุงยางอนามัย ได้สอบถามว่า ถ้าแฟน หรือคนรักขอมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์จะทำอย่างไร กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 67 ตอบปฎิเสธการมีเพศสัมพันธ์ อีกร้อยละ 25 ตอบว่ายอมมีเพศสัมพันธ์ โดยเป็นชายมากกว่าหญิงถึง 6 เท่าตัว กลุ่มอายุที่ยอมมีเพศสัมพันธ์มากที่สุดได้แก่อายุ 21-24 ปี ร้อยละ 39 ต่ำสุดคือกลุ่มอายุ 12-14 ปี ร้อยละ 8
ส่วนการใช้ถุงยางอนามัย พบว่าในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 28 ตอบว่าเคยมีเพศสัมพันธ์ และใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งร้อยละ 59 แต่เมื่อพิจารณาครั้งสุดท้ายของการมีเพศสัมพันธ์ พบว่าการใช้ถุงยางอนามัยลดลงเหลือร้อยละ 51 โดยให้เหตุผลที่ใช้ว่าเป็นการป้องกันการตั้งครรภ์ ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ ถุงยางอนามัยที่ชื่นชอบที่สุด คือชนิดมีสี ได้แก่สีชมพู สีแดง สีเหลือง ลักษณะถุงยางที่นิยมมากที่สุด ได้แก่ชนิดมีกลิ่นหอม เช่นกลิ่นกล้วย สตรอเบอรี่ ทุเรียน แอปเปิ้ล ชอบร้อยละ19 ชอบผิวเรียบร้อยละ16 โดยกลุ่มตัวอย่างซื้อถุงยางอนามัยอย่างสะดวกใจ จากร้านสะดวกซื้อมากที่สุด ร้อยละ 37 รองลงมาคือแจกฟรีที่สถานีอนามัย โรงพยาบาล ร้อยละ17 แจกฟรีผ่าน อสม. ร้อยละ 11
ดร.พรรณสิริกล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับความใส่ใจสุขภาพหากมีอาการสงสัยว่าอาจติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พบว่าดีขึ้นจากอดีต กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 70 ตอบว่า จะไปที่โรงพยาบาลของรัฐ /ศูนย์สาธารณสุข หรือที่คลินิก/โรงพยาบาลเอกชน โดยมีจำนวนน้อยเพียงร้อยละ 3 ถึง 8 จะปรึกษาเพื่อนหรือซื้อยากินเอง ส่วนการรับรู้ข่าวสารความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พบว่าช่องทางที่กลุ่มตัวอย่างใช้อันดับ 1 ได้แก่โทรทัศน์ร้อยละ 42 อันดับ 2 ได้แก่แผ่นพับร้อยละ 18 อันดับ 3 ได้แก่ หนังสือพิมพ์ ร้อยละ11 โดยใช้อินเตอร์เน็ตน้อยที่สุดไม่ถึงร้อยละ1
อนึ่ง กลุ่มตัวอย่างที่สำรวจครั้งนี้ เป็นชายจำนวน 431 คน หญิง 581 คน โดยร้อยละ47 มีแฟน มีคนรักแล้ว ของขวัญทึ่อยากได้รับมากที่สุดในวันวาเลนไทน์คือดอกกุหลาบ ร้อยละ 29 รองลงมาคือช็อคโกแลต และตุ๊กตา กิจกรรมที่ต้องการทำร่วมกับคนรักมากที่สุดในวันวาเลนไทน์ก็คือการไปเที่ยว ร้อยละ 28 รองลงมาได้แก่ ไปดูหนัง และทานอาหารร่วมกัน สถานที่โรแมนติกที่ต้องการไปมากที่สุด ได้แก่ทะเล ร้อยละ 26 รองลงมาคือสวนหย่อม สวนสาธารณะ สวนสนุก บุคคลที่อยากมอบของขวัญให้มากที่สุดได้แก่แฟนคนรัก ร้อยละ 43 รองลงมาคือพ่อแม่ ร้อยละ 30 ดาราที่กลุ่มตัวอย่างอยากมอบของขวัญให้มากที่สุดได้แก่ เกิร์ล เจนเนอเรชั่น ,ณเดชน์ คูกิมิยะ, นัททิว,บี้ เดอะสตาร์ ,เป้ อารักษ์ นักการเมืองได้แก่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
******************* 13 กุมภาพันธ์ 2554
View 8
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ