สาธารณสุข ตั้งโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว 864 แห่ง สานต่อพระปณิธานพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ฯ เพื่อพัฒนาอนามัยแม่และสุขภาพเด็กไทย ให้เกิดมาไร้โรคติดตัว พัฒนาการสมวัย ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ชี้ผลสำรวจล่าสุดพบหญิงตั้งครรภ์ 1 ใน 3 ฝากครรภ์ช้า มีพ่อแม่เสี่ยงได้ลูกเป็นโรคธาลัสซีเมีย ปีละ 17,000 คู่ ส่วนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ยังน่าห่วง หญิงหลังคลอดเลี้ยงนมแม่อย่างเดียว 4 เดือน เพียงร้อยละ 14 เท่านั้น กว่าครึ่งนิยมนมผง
นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเฝ้าฯ รับเสด็จพระเจ้า วรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงติดตามผลการดำเนินงาน โครงการฟื้นฟูเพื่อสายรักแห่งครอบครัวผู้ประสบภัยพิบัติ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ณ วัดกอไผ่ ต.บางหลวงโดด และสถานีอนามัยบางหลวง อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ฯ ทรงเป็นห่วงสุขภาพเด็กไทย โดยเฉพาะการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งเป็นจุดสานสัมพันธ์ความผูกพันระหว่างครอบครัว ซึ่งเป็นรากฐานแรกของสังคม ทรงพัฒนาโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว ส่งเสริมให้หญิงไทยเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้นานที่สุด นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อกระทรวงสาธารณสุขอย่างล้นพ้น และได้น้อมรับแนวพระปณิธานใส่เกล้า เร่งดำเนินการสานต่อโครงการขยายผลทั่วประเทศ เนื่องจากนมแม่เป็นอาหารที่วิเศษที่สุดสำหรับเด็กทารก มีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด ไม่มีการบูดเสีย แต่ผลสำรวจล่าสุดในปี 2549 พบว่าหญิงไทยเลี้ยงนมแม่ติดต่อกัน 4 เดือน เพียงร้อยละ 14 เท่านั้น โดยแม่กว่าครึ่งต้องเสียเงินซื้อนมผงปีละกว่า 40,000 บาท ผลกระทบตามมาที่แม่มองไม่เห็นก็คือ ไอคิวเด็กไทยยังต่ำกว่ามาตรฐานโลกถึง 30 จุด
นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่อว่า มาตรการแก้ปัญหาในปี 2550 นี้ กระทรวงสาธารณสุขมุ่งเน้นที่การขจัดต้นตอปัญหา ที่ทำให้เด็กไทยมีต้นทุนสติปัญญาและต้นทุนสุขภาพต่ำ 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่ พันธุกรรม โภชนาการ และการเลี้ยงดูเด็ก โดยจะพัฒนาหน่วยบริการฝากครรภ์ การคลอด คลินิกตรวจสุขภาพเด็กของโรงพยาบาลต่างๆ ให้ได้มาตรฐานโลก และให้การรับรองให้เป็นโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว เพื่อดูแลสุขภาพของหญิงเริ่มตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอด ส่งเสริมให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่หลังคลอดที่โรงพยาบาลให้ได้นาน 6 เดือน เนื่องจากโรงพยาบาล เป็นสถานที่แรกที่เด็กได้สัมผัสตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจนถึงหลังคลอด ตั้งเป้าดำเนินการทั้งโรงพยาบาลในสังกัดและโรงพยาบาลเอกชน จำนวน 864 แห่ง หรือร้อยละ 80 ของโรงพยาบาลทั้งหมด และจะพัฒนาให้ครบทุกแห่งภายในปี 2555 โดยจะประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดและผู้อำนวยการโรงพยาบาลต่างๆ ในต้นเดือนหน้านี้ ทั้งนี้ โรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว จะได้รับพระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ฯ และพระองค์เจ้า ทีปังกรรัศมีโชติ รวม 3 พระองค์ เป็นขวัญกำลังใจด้วย
ด้านนายแพทย์ณรงค์ศักดิ์ อังคะสวุพลา อธิบดีกรมอนามัยกล่าวว่า จากการวิเคราะห์สถานการณ์ของงานอนามัยแม่และเด็ก ล่าสุดในปี 2548 พบว่าหญิงตั้งครรภ์มีภาวะเลือดจางจากการขาดธาตุเหล็กร้อยละ 12 และเกือบร้อยละ 50 ขาดสารไอโอดีน ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เด็กปัญญาอ่อน นอกจากนี้ยังพบว่ามีคู่สมรสที่เสี่ยงมีลูกเป็นโรคธาลัสซีเมียชนิดรุนแรงปีละ 17,000 คู่ ซึ่งหากไม่มีระบบการตรวจหาตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ จะมีเด็กแรกเกิดเป็นโรคธาลัสซีเมีย รักษาไม่หายขาดปีละไม่ต่ำกว่า 4,200 ราย ส่วนด้านทารกพบว่า ยังมีปัญหาขาดออกซิเจน ซึ่งมีผล
ต่อระบบประสาทสมองปีละเกือบ 20,000 ราย และมีเด็กน้ำหนักตัวต่ำกว่ามาตรฐานคือ 2,500 กรัม ปีละประมาณ 60,000 ราย จากเด็กที่คลอดทั้งหมดประมาณ 7 แสนรายต่อปี
ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขป้องกันได้ แต่ที่ผ่านมาพบว่ามีหญิงตั้งครรภ์ประมาณ 1 ใน 3 ที่ฝากครรภ์ช้า คือฝากเมื่ออายุครรภ์ได้ 16 สัปดาห์แล้ว ทำให้ได้รับการดูแลล่าช้าไปด้วย การฝากครรภ์ควรเริ่มตั้งแต่หลังขาดประจำเดือน เนื่องจากการตั้งครรภ์ 4 เดือนแรกมีความสำคัญมาก เพราะอวัยวะของเด็กในครรภ์จะเติบโตอย่างครบสมบูรณ์ เด็กในครรภ์ก็จะมีสุขภาพดี
สำหรับการพัฒนาโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัวนั้น จะดำเนินการอย่างครบสูตร เริ่มตั้งแต่ระบบการดูแลครรภ์ โดยตั้งเป้าตรวจหาความผิดปกติโรคธาลัสซีเมียของหญิงมีครรภ์และสามี ให้ได้ร้อยละ 80 หญิงมีครรภ์ที่มีระดับไอโอดีนต่ำกว่าปกติ จะได้รับเกลือเสริมไอโอดีน ทารกแรกเกิดทุกรายได้รับการตรวจหาความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ มีสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็กทุกคน และเมื่อเด็กโตขึ้นจะมีระบบติดตามพัฒนาการจนถึงวัย 5 ขวบ ตั้งเป้ากระตุ้นพัฒนาการเด็กสมวัย เพิ่มจากร้อยละ 72 ในปี 2549 ให้ได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ส่วนการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จะคัดเลือกพยาบาลให้เป็นมิสนมแม่ เป็นผู้นำที่มีความเชี่ยวชาญในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โรงพยาบาลแห่งละ 1 คน ตั้งเป้าในปี 2550 จะเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยแม่อย่างเดียวนาน 6 เดือนให้ได้ร้อยละ 40 ขณะนี้กรมอนามัยได้ตั้งทีมวิชาการประเมินมาตรฐานงานอนามัยแม่และเด็กของโรงพยาบาลแล้ว นอกจากพัฒนาในโรงพยาบาลแล้ว จะขยายผลให้ชุมชนต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วม โดยจัดตั้งชมรมสายใยรักแห่งครอบครัว เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งและยั่งยืน โรงพยาบาลใดสนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถสมัครได้ที่กรมอนามัย โทร. 02-5904425-6
********************** 20 กุมภาพันธ์ 2550
View 16
20/02/2550
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ