รมว.สธ. มอบรางวัลเชิดชูเกียรติ พชอ.-พชข. หนุนการป้องกันควบคุมโรค สร้างความยั่งยืนให้สุขภาพ ปชช.
- สำนักสารนิเทศ
- 443 View
- อ่านต่อ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะนายกพิเศษแพทยสภา ประกาศเดินหน้าเคียงข้างแพทยสภา มุ่งแก้ปัญหาภาระงานบุคลากร และสร้างขวัญกำลังใจในการทำงาน โดยนำ AI มาใช้ในการทำงาน และร่วมกันกำหนดแนวทางการใช้ที่ปลอดภัย โปร่งใส และเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วย สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และ ATMPs พร้อมปรับปรุง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรมฉบับใหม่ ให้สอดคล้องกับบริบททางการแพทย์ที่เปลี่ยนแปลง สามารถกำกับดูแลมาตรฐานวิชาชีพ และคุ้มครองสิทธิของแพทย์ผู้ปฏิบัติงานอย่างเป็นธรรม
วันนี้ (9 ตุลาคม 2568) ที่ อาคารมหิตลาธิเบศร กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะนายกพิเศษแพทยสภา มอบนโยบายในการประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ครั้งที่ 10/2568 โดยมี นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา และคณะกรรมการแพทยสภา ร่วมการประชุม โดยนายพัฒนา กล่าวว่า ปัจจุบันระบบสุขภาพกำลังเผชิญความท้าทายทั้งโรคอุบัติใหม่ ภาระโรคเรื้อรังที่เพิ่มขึ้น รวมถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการ ซึ่งแพทยสภาและกระทรวงสาธารณสุขได้ประสานงานกันอย่างใกล้ชิดเพื่อหาทางออกที่สมดุลระหว่างสิทธิของประชาชน คุณภาพบริการและสวัสดิการของแพทย์ผู้ปฏิบัติงาน โดยปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่มีผลกระทบต่อการขับเคลื่อนงานด้านสาธารณสุข คือ ความอ่อนล้าจากภาระงาน และค่าตอบแทนบุคลากรที่ไม่สอดคล้องกับภาระงาน ตนจึงมีนโยบาย “หมอไม่ล้า ประชาชนไม่รอ เชื่อมต่อทุกบริการผ่านเทคโนโลยี” และ “ขวัญกำลังใจบุคลากร” ซึ่งจะใช้แนวทางการเพิ่มค่าตอบแทนตามภาระงาน การแก้ไขโครงสร้างและกฎหมายให้เอื้อต่อการทำงานของบุคลากร ตลอดจนการนำเทคโนโลยีด้านสุขภาพมาช่วยแก้ปัญหา รวมถึงให้ความสำคัญกับการนำปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ทางการแพทย์มาใช้ประโยชน์ ซึ่งเชื่อมั่นว่า AI จะสามารถลดภาระงานได้หลายด้าน อาทิ การคัดกรองและวินิจฉัยโรคเบื้องต้น การอ่านผลภาพถ่ายรังสี วิเคราะห์ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ วางแผนการรักษา ทำให้แพทย์มีเวลาในการดูแลผู้ป่วยมากขึ้น และยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยขยายการเข้าถึงบริการสุขภาพไปยังพื้นที่ห่างไกล ผ่านระบบ Telemedicine ที่มี AI ช่วยประเมินอาการเบื้องต้นและเชื่อมต่อกับแพทย์เฉพาะทางได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการพัฒนา Super App ที่รวมบริการสุขภาพไว้ในที่เดียว พร้อมระบบ AI คอยช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
นายพัฒนากล่าวต่อว่า การนำ AI มาใช้ในทางการแพทย์ จำเป็นต้องมีมาตรฐานและหลักจริยธรรมที่ชัดเจน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะทำงานร่วมกับแพทยสภาอย่างใกล้ชิด เพื่อกำหนดแนวทางการใช้ AI ที่ปลอดภัย โปร่งใส และเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วย โดยแพทย์ยังคงเป็นผู้ตัดสินใจหลักในการรักษา ส่วน AI เป็นเพียงเครื่องมือช่วยสนับสนุน ขณะเดียวกัน ยังมีแนวคิดที่จะนำการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และผลิตภัณฑ์ยาเพื่อการบำบัดรักษาขั้นสูง หรือ ATMPs ที่เป็นจุดแข็ง ด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทยสภาในเรื่องมาตรฐานวิชาชีพช่วยสร้างความมั่นใจในประโยชน์และความปลอดภัยกับประขาชนและผู้รับบริการ ทั้งนี้ พร้อมที่จะร่วมมือกับแพทยสภาอย่างเต็มที่ในการปรับปรุง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรมฉบับใหม่ ให้ทันสมัย สอดคล้องกับบริบททางการแพทย์และสาธารณสุขที่เปลี่ยนแปลงไป ช่วยสร้างสมดุลและความเข้มแข็งของแพทยสภาในการกำกับดูแลมาตรฐานวิชาชีพ คุ้มครองสิทธิของแพทย์ผู้ปฏิบัติงานอย่างเป็นธรรม และสร้างกลไกการทำงานที่รองรับเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยไม่สูญเสียหลักการพื้นฐานของวิชาชีพ การยึดมั่นในจรรยาบรรณ และประโยชน์ต่อทุกฝ่าย
********************************************* 9 ตุลาคม 2568