กระทรวงสาธารณสุข เผยโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชตะพานหิน น้ำท่วมระลอก 2 ห้องน้ำ/ห้องส้วมในหอผู้ป่วย และระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ ต้องปิดหอผู้ป่วยหนัก งดการผ่าตัด และงดรับผู้ป่วยนอนรายใหม่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขณะนี้เปิดให้บริการเฉพาะผู้ป่วยนอกตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ยังคงบริการรักษาผู้เจ็บป่วยต่อเนื่อง ยอดสะสมขณะนี้มีกว่า 3 แสน 4หมื่นราย
นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิจิตรว่า ขณะนี้โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชตะพานหิน ถูกน้ำท่วมระลอกใหม่ เริ่มท่วมตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2549เป็นต้นมา ระดับน้ำสูงประมาณ 40-50 เซนติเมตร ทำให้ห้องสุขาชั้นล่างใช้การไม่ได้ทุกตึก ยกเว้นตึกสามัญชาย อ่างทิ้งสารคัดหลั่งตึกผ่าตัด รวมทั้งระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ ในวันนี้จึงได้ปิดตึกผู้ป่วยหนัก งดให้บริการตึกพิเศษชั้นล่าง บริการได้เฉพาะชั้นบน ตึกผู้ป่วยหญิงทั้งสามัญและพิเศษใช้สุขาได้เพียง 1 ห้อง แพทย์พยาบาลต้องลุยน้ำขึ้นเวรขณะที่บ้านพักประมาณ 40 หลังและแฟลตที่พักก็ถูกน้ำท่วมเช่นกัน
นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวว่า เนื่องจากระบบบำบัดน้ำเสียมีปัญหา เกรงว่าเชื้อโรคอาจแพร่กระจายได้ทางโรงพยาบาลฯจึงประกาศงดรับผู้ป่วยในตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แต่ยังคงให้บริการรักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนผู้ป่วยที่นอนรักษาตัวขณะนี้ 42 ราย ในวันนี้ได้ส่งผู้ป่วยหนักไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลพิจิตรแล้ว 3 ราย ที่เหลืออยู่ระหว่างการประเมินอาการ หากป่วยไม่หนัก ช่วยเหลือตนเองได้ ไม่ต้องฉีดยาหรือทำแผล จะให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน
นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่อไปว่า จากการจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ไปให้บริการตามจุดต่างๆและทางเรือ ทุกวัน ตลอดวันที่ 15 ตุลาคม 2549 ได้จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการ 105 ทีม มีประชาชนเจ็บป่วย 13,413 ราย ยอดผู้ป่วยจากน้ำท่วมสะสมจนถึงวันที่ 15 ตุลาคม 2549 มีผู้รับบริการทั้งสิ้น 347,427 ราย โรคที่พบว่าป่วยได้แก่ โรคน้ำกัดเท้าและผื่นคัน 201,171 ราย ไข้หวัด 42,165 ราย เครียด 24,024 ราย ตาแดง 13,860 ราย สัตว์มีพิษกัด 11,178 ราย อุจจาระร่วง 8,503 ราย ทั้งนี้ยังไม่พบมีโรคระบาดร้ายแรงแต่อย่างใดสามารถควบคุมได้เนื่องจากสาเหตุเกิดจากน้ำไม่สะอาด สำหรับจังหวัดที่มีผู้มารับบริการสูงสุด 6 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี 85,425 ราย จันทบุรี 45,557 ราย อ่างทอง 26,307 ราย พระนครศรีอยุธยา 26,152 ราย พิษณุโลก 24,732 ราย และนครสวรรค์ 24,072 ราย
View 16
16/10/2549
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ