บทความสุขภาพ
กินเร็วเกินไปทำให้กินมากขึ้น เสี่ยงโรคอ้วนและโรคเรื้อรัง
สถานการณ์ปัจจุบันที่มีข่าวการแพร่ระบาดเรื่องโควิด-19 หรือ ฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 จนทำให้หลายคนเกิดภาวะความเครียดวิตกกังวล และต้องหันไปผ่อนคลายความเครียด ความกังวลจากการรับข่าวสารต่าง ๆ ด้วยการกิน ไม่ว่าจะกินจุกจิก หรือกินมื้อหนัก เช่น กินบุฟเฟ่ต์ หมูกระทะที่จำกัดเวลา ทำให้ต้องกินเร็วและกินมากเกินไป (Overeating) ประกอบกับสังคมปัจจุบันการทำกิจกรรมต่าง ๆ ต้องอาศัยความเร่งรีบ ขณะที่การกินอาหารน่าจะเป็นเวลาที่ควรผ่อนคลายและมีความสุข ผลเสียของการกินเร็วทำให้ได้รับปริมาณอาหารมากเกินไป เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุก เสียด อาหารไม่ย่อยแล้ว ยังเสี่ยงเกิดโรคอ้วนและโรคเรื้อรังตามมา ดังตารางเปรียบเทียบ ข้อดีข้อเสียของการกินเร็ว และ การกินช้า ดังนี้
ตารางเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของการกินเร็วและการกินช้าที่เกิดกับร่างกาย
การกินเร็ว |
การกินช้า |
||
ข้อดี - |
ข้อเสีย 1.เกิดโรคอ้วนลงพุง (Central Obesity) Metabolic Syndromeเกิดความดันโลหิตสูง เบาหวาน และไขมันสูง 2.เสี่ยงเกิดโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจขาดเลือดและโรคหัวใจมากกว่าการสูบบุหรี่ 3.มีแนวโน้มเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มากกว่าคนที่กินปกติถึง 2.5 เท่า 4.สมองจะได้รับสัญญาณจากกระเพาะอาหารและลำไส้สั่งการให้ร่างกายรู้สึกอิ่มใช้เวลานานกว่า 20 นาที ซึ่งทำให้คนกินเร็วสมองจะสั่งการไม่ทันมักจะกินหมดก่อนที่จะรู้สึกอิ่มทำให้กินไปเรื่อยๆ |
ข้อดี 1.ไม่เสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วนที่จะนำมาซึ่งโรคเรื้อรังต่าง ๆ ตามมามากมาย 2.เมื่อเรากินอาหารช้าลง การสั่งการจากสมองจะเกิดขึ้นขณะที่เรากินจึงทำให้เราอิ่มก่อนที่จะกินมากเกินไป 3.การกินอาหารจึงควรใช้เวลา อย่างน้อย 20-30 นาทีเพื่อให้สมองสั่งการรู้สึกอิ่ม 3.การกินช้า ๆ และเคี้ยวอาหารให้ละเอียดจะช่วย ทําให้ระบบย่อยอาหารทํางานได้ดีขึ้น 4.ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตไปยังกระเพาะอาหาร และลําไส้ 5.ช่วยทําให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรีได้เพิ่มขึ้น 6.การกินอย่างช้า ๆ และให้ความสนใจกับอาหารที่กินอยู่เป็นการฝึกให้มีสติกับสิ่งที่กำลังทำ 7.การกินช้าสามารถช่วยลดความเครียดจาก การทํางาน และชีวิตประจำวัน |
ข้อเสีย - |
ดังนั้นหากเรากินอย่างมีสติ และเน้นการออกกำลังกายเป็นประจำน่าจะเป็นทางออกสำคัญที่ทำให้ร่างกายของเราสมดุลไม่เป็นคนที่อ้วนหรือผอมเกินไปเพื่อสุขภาพดีที่ห่างไกลโรคอ้วนและโรคเรื้อรัง
แหล่งข้อมูล : รองศาสตราจารย์ ดร.ภญ.จิรภรณ์ อังวิทยาธร ภาควิชาเภสัชเคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
วันที่ : 28 ธันวาคม 2563
จากหน่วยงาน : กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดดู 615 view
วันที่ประกาศข่าว : 19 มกราคม 2564 เวลา 16:00 น.
ทวีต