ยิ่งอายุมากขึ้น ผู้หญิงก็ยิ่งดูแลสุขภาพมากขึ้น หากเป็นผู้หญิงอายุ 50 ปีขึ้นไป เป็นช่วงที่ประจำเดือนเริ่มหมด หรือเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยทอง ผู้หญิงที่อ้วนหรือไม่มีบุตร อาจเป็นกลุ่มเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกก็เป็นได้ หากได้พบแพทย์ตั้งแต่แรกเริ่มก็จะทำให้รักษาได้ไว

                 พญ.กมัยธร เทียนทอง กลุ่มงานสูตินรีเวชศาสตร์ รพ.ราชวิถี เผยว่า มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกนั้น นับเป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับ 3 ของมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์สตรีไทย ส่วนใหญ่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน แต่ปัจจุบันเริ่มพบในผู้หญิงที่อายุต่ำกว่า 40 ปีมากขึ้น จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ที่เข้ามารักษาเฉพาะมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลุกของ รพ.ราชวิถี ปี 2561 ที่ผ่านมา คนไข้มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกมีมากถึง 570 คน เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น คนไข้วัยทอง ที่ได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนเสริมเพียงอย่างเดียว, สมุนไพร ยาสมุนไพรที่มีเอสโตรเจนสูง เช่น กวาวเครือ, ความอ้วน เพราะคนน้ำหนักตัวมากจะสร้างฮอร์โมน เอสโตรเจนมากกว่าคนน้ำหนักปกติ รวมไปถึงยารักษามะเร็งเต้านม และภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง ซึ่งมักมีอาการประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หน้ามัน เป็นสิว หรือขนดก

                 นอกจากนั้นยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ผู้หญิงไม่มีลูก หรือมีประวัติพันธุกรรมสายตรง โดยโรคนี้มักแสดงอาการแต่เนิ่นๆ คือมีเลือดออกทางช่องคลอด เนื่องจากมะเร็งชนิดนี้มักเกิดหลังอายุ 50 ปี หากมีเลือดออกหลังหมดประจำเดือนควรรีบมาพบแพทย์ แต่หากเลือดออกในช่วงที่ไม่ใช่รอบเดือน เช่น ออกกะปริดกะปรอย หรือออกมาก นานเกิน 7 วันต่อรอบ ก็ควรรีบมาพบแพทย์ หากตรวจพบแล้ว การผ่าตัดนับเป็นวิธีหลักของการรักษาโรคนี้ โดยผ่าตัดทางหน้าท้อง หรือผ่านกล้อง จากนั้นแพทย์จะวิเคราะห์ต่อว่าจะรักษาเช่นใดเพิ่มเติม รังสีรักษา หรือเคมีบำบัด

                 อย่างไรก็ตาม พญ.กมัยธร เผยว่า สตรีสามารถป้องกันตัวเองได้ ด้วยการสังเกตตัวเอง ถ้ามีเลือดออกทางช่องคลอดควรรีบมาพบแพทย์ ลดความอ้วน ออกกำลังกาย และไม่ใช้ยาสมุนไพรโดยไม่จำเป็น จะช่วยลดการเกิดโลกได้ ทั้งยังสามารถป้องกันโรคได้ด้วยการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด หรือฉีดยาคุมกำเนิด นอกจากนี้แพทย์ยังแนะนำผู้หญิงว่าอย่าอาย หรือไม่มาตรวจเพราะคิดว่าไม่สำคัญ ทำให้เสียโอกาสในการรักษา ถ้าตรวจพบแต่แรกก็จะรักษาให้หายขาดได้

------------------------------------------------------------------------------

ข้อมูลจาก : โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
และ เว็บไซต์มติชนออนไลน์