บทความสุขภาพ

พิมพ์

คุณูปการต่อโลกมหาศาล "ผู้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลปี 60"


 “4บุคคล”พัฒนาวัคซีนฮิบ - “โครงการจีโนม”ของสหรัฐอเมริกา คว้ารางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลประจำปี 60 คุณูปการต่อวงการแพทย์และสาธารณสุขไทย ช่วยป้องกัน-รักษาโรคชาวโลก

         เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2560 ที่อาคารสยามินทร์ โรงพยาบาลศิริราช ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา  คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล  ในฐานะรองประธานมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์  น.ส.บุษฎี  สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ฯ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช   ประธานคณะกรรมการรางวัลนานาชาติ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ฯศ.คลินิก นพ.สุพัฒน์ วาณิชย์การ เลขาธิการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ และนายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ร่วมกันแถลงผลการตัดสินผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล   ครั้งที่ 26    ประจำปี  2560    

          น.ส.บุษฎี กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการมูลนิธรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหดิลฯเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2560 ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  สยามบรมราชกุมารี  ทรงเป็นองค์ประธาน  ได้พิจารณาตัดสินผู้ที่ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ครั้งที่ 26 ประจำปี 2560 ได้แก่ สาขาการแพทย์ โครงการจีโนมมนุษย์   (The Human Genome Project) จากประเทศสหรัฐอเมริกา และสาขาการสาธารณสุข คือ ศ.พอร์ทเตอร์ ดับเบิลยู แอนเดอร์สัน จูเนียร์ (Prof. Porter W. Anderson, Jr.)  นพ.จอห์น บี รอบบินส์  (Dr. John  B. Robbins) พญ.ราเชล ชเนียสัน   (Dr. Rachel  Schneerson) และศ.นพ.มธุราม ซานโตชาม  (Prof. Mathuram  Santosham)จากประเทศสหรัฐอมเริกา โดยมีผู้ได้รับการเสนอชื่อประจำปี 2560 ทั้งสิ้น  45 ราย  จาก  27  ประเทศ

 โครงการจีโนมมนุษย์(The Human Genome Project) สถาบันวิจัยจีโนมมนุษย์ ในสังกัดของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นโครงการวิจัยขนาดใหญ่ ที่มีส่วนสำคัญในความก้าวหน้าทางความรู้ที่เกี่ยวกับพันธุศาสตร์และรหัสพันธุกรรมของมนุษย์ โครงการดังกล่าวเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2533 นำโดยสถาบันวิจัยจีโนมมนุษย์ ในสังกัดของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา  โดยได้รับความร่วมมือจากคณะนักวิจัยจาก 20 สถาบันใน 6 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และจีน โครงการนี้ได้แถลงประกาศความสำเร็จเมื่อ ปี พ.ศ.2543 โดยข้อมูลรหัสพันธุกรรมทั้งหมดของมนุษย์เป็นข้อมูลชีวภาพขนาดใหญ่ได้จัดเก็บเป็นคลังความรู้ในฐานข้อมูลสาธารณะที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกเข้าถึงได้ 

           โครงการนี้มีภารกิจสำคัญในการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งหมดของมนุษย์  ซึ่งเป็นกลไกในการกำกับและควบคุมกระบวนการของสิ่งมีชีวิตในทุกขั้นตอน  ช่วยให้เข้าใจกลไกการทำงานของเซลล์และอวัยวะต่างๆ  กลไกการกลายพันธุ์ และกลไกการเกิดโรค  องค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษาจีโนมมนุษย์ รวมถึงเทคโนโลยีการถอดรหัสพันธุกรรม ก่อให้เกิดความก้าวหน้าทางการแพทย์หลายด้าน ทั้งการวินิจฉัยโรคพันธุกรรมที่พบน้อยและถ่ายทอดในครอบครัว ไปถึงโรคที่พบบ่อยในประชากร เช่น โรคมะเร็ง และโรคติดเชื้อ การตรวจคัดกรองในประชากรเพื่อค้นหาผู้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค หรือผู้ป่วยที่เป็นโรคตั้งแต่ระยะแรกๆ เป็นประโยชน์ในการควบคุมหรือป้องกันก่อนการดำเนินโรคจะแย่ลง อีกทั้งช่วยให้เกิดการพัฒนายารักษาโรคที่มีความแม่นยำ เหมาะสมสำหรับปัจเจกบุคคล และทำให้การรักษาโรคมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

         ความรู้ที่ได้จากโครงการจีโนมมนุษย์มีความสำคัญยิ่งต่อความรู้ความเข้าใจในการเกิดโรคต่างๆ  เปลี่ยนจากการวินิจฉัยและรักษาโรคที่ปลายเหตุ  มาเป็นการวิเคราะห์ต้นเหตุและค้นหาปัจจัยทางพันธุกรรมที่เกี่ยวกับการเกิดโรค เพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม  ความก้าวหน้าทางความรู้ด้านพันธุกรรมของมนุษย์ จากความร่วมมือทุ่มเทค้นคว้าของโครงการจีโนมมนุษย์นี้  ถือเป็นความสำเร็จที่ก่อให้เกิดประโยชน์มหาศาลต่อมวลมนุษยชาติทั่วโลกอย่างชัดเจน

   สำหรับสาขาการสาธารณสุข ศ.พอร์ทเตอร์ ดับเบิลยู แอนเดอร์สัน จูเนียร์ ร่วมกับ นพ.เดวิด เฮช สมิธ แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และนพ.จอห์น บี รอบบินส์ ร่วมกับพญ.ราเชล ชเนียสัน แห่งสถาบันสุขภาพเด็กและพัฒนามนุษย์แห่งชาติ สหรัฐอเมริกา เป็นนักวิจัย 2 กลุ่ม ที่ได้ศึกษาวิจัยแบบคู่ขนานและเป็นอิสระต่อกันตั้งแต่ พ.ศ. 2513 เกี่ยวกับกลไกก่อโรค และการผลิตวัคซีนป้องกันการติดเชื้อฮีโมฟีลุส อินฟลูเอนเซ ชนิดบี หรือเรียกสั้นๆ ว่า ฮิบ (Haemophilus influenzae type b หรือ Hib)  ซึ่งเป็นแบคทีเรียสำคัญที่ก่อโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบในเด็ก  โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่าห้าปี  โรคดังกล่าวมีอัตราตายสูง และหากรอดชีวิตอาจเกิดความพิการอย่างถาวรได้ 

  วัคซีนชนิดแรกที่ผลิตขึ้นเป็นวัคซีนชนิดโพลีแซคคาไรด์ ซึ่งเป็นโมเลกุลน้ำตาลที่เป็นส่วนประกอบในแคปซูลของเชื้อ แต่พบว่า วัคซีนโพลีแซคคาไรด์นี้ ไม่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันในเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า ๑๘ เดือนซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากที่สุดได้  เนื่องจากน้ำตาลเป็นตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่ไม่ดี  จึงได้มีการปรับปรุงโดยการนำโมเลกุลโปรตีนมาเชื่อมต่อกับน้ำตาล ซึ่งพบว่าทำให้กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้นมาก รวมถึงในเด็กเล็ก เรียกว่าวัคซีนฮิบชนิดคอนจูเกต (Hib conjugate vaccine) และได้ขึ้นทะเบียนให้ใช้ในเด็กได้ตั้งแต่อายุ ๒ เดือนตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ เป็นต้นมา

  ส่วนศ.นพ.มธุราม ซานโตชาม แห่งมหาวิทยาลัยจอนห์ ฮอบกินส์  มีบทบาทสำคัญในการศึกษาระบาดวิทยาของโรคติดเชื้อฮิบ และได้แสดงข้อมูลทางคลินิกว่าโรคติดเชื้อฮิบป้องกันได้ด้วยภูมิคุ้มกัน รวมถึงศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันการติดเชื้อฮิบหลายชนิด  ผลการศึกษาดังกล่าวนำไปสู่การผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนฮิบชนิดคอนจูเกตในเด็กทุกคน  ต่อมาได้เป็นผู้วิจัยหลักในโครงการ ฮิบ อินนิชิเอทีฟ (Hib Initiative) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์กรสนับสนุนการให้วัคซีนทั่วโลก  ได้ส่งเสริมให้มีการฉีดวัคซีนฮิบชนิดคอนจูเกตเป็นวัคซีนพื้นฐานได้กว่า 190 ประเทศ  หลังจากมีการฉีดวัคซีนฮิบชนิดคอนจูเกต พบว่าอัตราการเกิดโรคและการตายจากเชื้อฮิบในเด็กเล็กลดลงกว่าร้อยละ 95-99 และป้องกันการเกิดโรคในเด็กได้กว่า 100 ล้านคนทั่วโลก 

 ความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อฮิบ จากชนิดโพลีแซคคาไรด์ มาสู่ชนิดคอนจูเกต ซึ่งเป็นวัคซีนมาตรฐานในปัจจุบัน ของศ.พอร์ทเตอร์ ดับเบิลยู แอนเดอร์สัน จูเนียร์, นพ.จอห์น บี รอบบินส์ และ พญ.ราเชล ชเนียสัน  รวมถึงผลงานของศ.นพ.มธุราม ซานโตชาม ในฐานะผู้นำโครงการฮิบ อินนิชิเอทีฟ ซึ่งผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนฮิบสำหรับเด็กทุกคนทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพอนามัยของเด็กหลายร้อยล้านคนทั่วโลก

          อนึ่ง รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล   เป็นรางวัลที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ    พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งขึ้น     เพื่อถวายเป็นพระราชานุสรณ์แด่สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร  อดุลยเดชวิกรม  พระบรมราชชนก ในโอกาสจัดงานเฉลิมฉลอง 100 ปี  แห่งการพระราชสมภพ  1 มกราคม 2535  ดำเนินงานโดยมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ มอบรางวัลให้แก่บุคคลหรือองค์กรทั่วโลกที่มีผลงานดีเด่นเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ   ด้านการแพทย์ 1 รางวัล  และการสาธารณสุข  1 รางวัล เป็นประจำทุกปีตลอดมา  แต่ละรางวัลประกอบด้วย เหรียญรางวัล,  ประกาศนียบัตร  และเงินรางวัล  1 แสนเหรียญสหรัฐ

        ทั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ แทนพระองค์  พระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล  ประจำปี2560   ในวันพุธที่ 31 มกราคม  พ.ศ. 2561 ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท  โดยในวันอังคารที่ 30  มกราคม พ.ศ. 2561  คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จะเชิญผู้รับพระราชทานรางวัลฯมาเยือนและแสดงปาฐกถาเกียรติยศ ในผลงานที่ได้รับด้วย


จากหน่วยงาน : เว็บไซต์คมชัดลึก(17พ.ย.60) เปิดดู 1084 view
วันที่ประกาศข่าว : 17 พฤศจิกายน 2560 เวลา 15:52 น.