ข่าวเพื่อมวลชน

พิมพ์

โฆษก สธ. เผย ผลการศึกษาในบุคลากร-ประชาชน ชี้ 4 ปี “อนุทิน” ดันระบบสาธารณสุขไทยก้าวหน้า เป็นที่ยอมรับในระดับโลก


          โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เผย การศึกษาผลการดำเนินงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขก่อนหมดวาระ สุ่มตัวอย่างทั้งในบุคลากรและประชาชน พบนำองค์กรต่อสู้โควิด 19 สำเร็จ ยกระดับบริการสุขภาพพร้อมดูแลขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติงาน แนะทำความเข้าใจนโยบายกัญชาทางการแพทย์และควบคุมการนำไปใช้ในทางที่ผิด

          วันนี้ (15 มีนาคม 2566) นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นพ.ทรงคุณวุฒิระดับ 11) และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า คณะทำงานวิชาการได้ทำการศึกษาผลการดำเนินงานของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่กำลังจะหมดวาระดำรงตำแหน่ง 4 ปี ในเร็วๆ นี้ โดยเป็นการศึกษาแบบผสมผสานทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพตามมาตรฐานวิชาการ สุ่มตัวอย่างบุคลากรกระทรวงฯ และประชาชน ระหว่างวันที่  15 กุมภาพันธ์ - 7 มีนาคม 2566 พบว่า มีผลงานโดดเด่นโดยเฉพาะการรับมือสถานการณ์โรคโควิด 19 ซึ่งเป็นวิกฤตการณ์โรคระบาดที่รุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี ซึ่งการควบคุมโรคระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ไทยถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 1 ด้านการฟื้นตัวจากโควิด 19, เป็นต้นแบบการควบคุมโควิด 19 อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเปิดประเทศได้เป็นชาติแรกๆ ในเอเชีย และช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจในการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว รวมทั้งสามารถควบคุมโรคฝีดาษลิงไม่ให้ลุกลาม ส่งผลให้ไทยได้รับการยอมรับและการชื่นชมจากองค์การอนามัยโลก และทุกเวทีการประชุมด้านสาธารณสุขระดับนานาชาติ และได้รับการคัดเลือกจากประเทศในอาเซียน ให้จัดตั้งสำนักงานเลขาธิการศูนย์อาเซียน ด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่

          ด้านการพัฒนาระบบการแพทย์และสาธารณสุข สามารถสร้างพลังความมือจากบุคลากรและทุกภาคส่วน ส่งผลให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นกระทรวงที่มีผลงานโดดเด่นในระดับต้นๆ ได้รับการยอมรับจากประชาชน อาทิ การยกระดับระบบสุขภาพพื้นฐาน โดยระบบ 3 หมอ ดูแลประชาชน 33,432,465 ราย, 30 บาทรักษาทุกที่ ให้บริการแล้วครอบคลุมทั้งประเทศ, มะเร็งรักษาทุกที่ให้บริการแล้ว 246,444 คน และฟอกไตฟรีให้บริการ แล้ว 82,463 คน โดยพบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจสูงมาก สามารถลดการสูญเสียชีวิตและความพิการ รวมทั้ง ลดค่าใช้จ่ายของประชาชนและความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน มีการสร้างขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติงาน ด้วยการบรรจุข้าราชการรุ่นโควิด 45,684 อัตรา เพิ่มค่าตอบแทนเสี่ยงภัยบุคลากร และเพิ่มค่าตอบแทนพิเศษบุคลากรและ อสม. รวมถึงเพิ่มสวัสดิการ อสม. เช่น ฌาปนกิจสงเคราะห์ และห้องพิเศษ ซึ่งเป็นผลงานที่บุคลากร และ อสม. ประทับใจ พึงพอใจสูงสุด นอกจากนี้ ยังมีความเป็นผู้นำ ใส่ใจดูแล ให้เกียรติบุคลากรทุกระดับ เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข       

          ด้านการยกระดับสมุนไพรไทย ใช้กัญชา กัญชง เพื่อการแพทย์และกระตุ้นเศรษฐกิจ มีการปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติดและศึกษาวิจัยพัฒนายาจากกัญชา กัญชง, ให้บริการคลินิกกัญชา 1,005 แห่ง ดูแลผู้ป่วย 103,694 ราย, ออกใบรับจดแจ้งการปลูก 1,095,785 ใบ, สร้างงานให้ประชาชน มีเม็ดเงินสะพัดกว่า 3 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ มีข้อเสนอแนะสำคัญในการสร้างความเข้าใจนโยบายกระทรวงสาธารณสุข ว่า “กัญชาทางการแพทย์” มิใช่ “กัญชาเสรี” และขอให้รัฐบาลและทุกภาคส่วน ดำเนินมาตรการควบคุมการนำกัญชาไปใช้ในทางที่ผิด ทั้งการเร่งออกกฎหมาย ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมาย เป็นต้น

          “ความมุ่งมั่นตั้งใจในการนำองค์กรของท่านรัฐมนตรี ผสานกับพลังความร่วมมือ มุ่งมั่น ทุ่มเท เสียสละ ในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขทุกระดับ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ระบบสุขภาพไทยแข็งแกร่งขึ้นจนอยู่ในลำดับที่ 5 ของโลก และได้รับความไว้วางใจจากองค์การอนามัยโลก ให้เป็นหนึ่งในชาติต้นแบบการควบคุมโควิด 19 ขณะที่งานบริการประชาชนมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้มากขึ้น” นายแพทย์รุ่งเรืองกล่าว

************************************************ 15 มีนาคม 2566


จากหน่วยงาน : กลุ่มภารกิจด้านข่าวและสื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักสารนิเทศ เปิดดู 1061 view
วันที่ประกาศข่าว : 15 มีนาคม 2566 เวลา 16:34 น.