ข่าวเพื่อมวลชน

พิมพ์

สธ. หนุน Wellness tourism ดันสปาไทย ผลิตภัณฑ์สุขภาพจากกัญชงและกัญชา สร้างเศรษฐกิจประเทศ


          กระทรวงสาธารณสุข ผลักดันนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบ Wellness tourism โดยดึงสปาและนวดเพื่อสุขภาพ และสมุนไพร ผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาจากกัญชง กัญชา ที่ผ่านการรับรองคุณภาพ ให้บริการในสถานประกอบการที่มีการควบคุมกำกับมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อสร้างศักยภาพการแข่งขันในเวทีโลกและสร้างเศรษฐกิจประเทศ

          วันนี้ (26 กรกฎาคม 2565) ที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แถลงข่าว “เส้นทางท่องเที่ยวกัญชง กัญชา กับสปาและนวดเพื่อสุขภาพ” ภายใต้แนวคิด “สปาไทยก้าวหน้า ภูมิปัญญาก้าวไกล กัญชง กัญชาไทยสร้างเศรษฐกิจ”

  ิ       นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจสุขภาพ โดยเพิ่มมูลค่านวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ และบริการสุขภาพ ด้วยการส่งเสริม สนับสนุน การใช้ประโยชน์จากสมุนไพรไทย กัญชง กัญชา ให้เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ เกิดการนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ทั้งพัฒนายาไทย การใช้โดยหมอพื้นบ้าน และเสริมการรักษาในการแพทย์แผนปัจจุบัน ช่วยให้คุณภาพชีวิตผู้ป่วยดีขึ้น และยังผลักดันให้กัญชง กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจชุมชน เปิดโอกาสให้วิสาหกิจชุมชนสามารถปลูก พัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพ เช่น เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยา อาหาร ส่งผลให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ในระดับครัวเรือน ชุมชน และระดับประเทศ นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้เกิดการท่องเที่ยวแบบ Wellness tourism ซึ่งมีมูลค่าทางการตลาดทั่วโลกรวมกว่า 2.3 ล้านล้านบาท และกำลังได้รับความนิยมช่วงหลังสถานการณ์โควิด 19 โดยเน้นกิจกรรมที่ใส่ใจสุขภาพ การนำภูมิปัญญา สมุนไพร มาร่วมให้บริการในสปาเพื่อสุขภาพและนวดเพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นการเปิดตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชนและสินค้าที่พัฒนาจากกัญชง กัญชา ช่วยให้ชุมชนมีรายได้จากการให้บริการและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น

          ด้าน นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สารสกัดของกัญชง กัญชา นอกจากจะใช้ประโยชน์ทางการแพทย์แล้ว ยังมีประโยชน์ด้านสุขภาพและความงาม จึงเห็นควรส่งเสริม สนับสนุนให้สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ประเภทสปาและนวดเพื่อสุขภาพ นำผลิตภัณฑ์หรือสารสกัดจาก กัญชง กัญชา มาให้บริการในสถานประกอบการ ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด และผลิตภัณฑ์สุขภาพที่นำมาใช้ต้องได้รับการพัฒนา ควบคุมกำกับ ดูแลมาตรฐาน โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีการกำหนดคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เช่น น้ำมันนวดที่มีส่วนผสมของน้ำมันเมล็ดกัญชง ไม่ให้มีสาร THC เกินร้อยละ 0.2 ส่วนลูกประคบที่มีส่วนผสมของกัญชา มีการศึกษาโดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พบว่ารากกัญชาที่นำมาผสมในลูกประคบมีผลลดความปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้ สำหรับมาตรฐานของสถานประกอบการที่จะนำผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชง กัญชามาใช้ จะมีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเป็นผู้กำกับดูแล มาตรฐานการบริการ
ความปลอดภัย และผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้รับบริการ

          นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า กรมฯ มีภารกิจในการขับเคลื่อนนโยบายการคุ้มครองผู้บริโภคด้านบริการสุขภาพเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพดี ภายใต้พระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 และภารกิจขับเคลื่อนงาน Wellness tourism โดยการควบคุมกำกับ พัฒนามาตรฐาน ส่งเสริมให้สถานประกอบการเพื่อสุขภาพมีศักยภาพในการแข่งขัน ปัจจุบันมีสถานประกอบการเพื่อสุขภาพที่ผ่านการรับรองมาตรฐานแล้ว 11,543 แห่ง แบ่งเป็น สปาเพื่อสุขภาพ 1,051 แห่ง ร้านนวดเพื่อสุขภาพ 10,248 แห่ง และร้านนวดเพื่อเสริมความงาม 241 แห่ง สำหรับการจัดบริการด้วยผลิตภัณฑ์สุขภาพจากกัญชงและกัญชาในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ระยะแรก จะส่งเสริมการนำผลิตภัณฑ์น้ำมันนวดที่มีส่วนผสมของน้ำมันเมล็ดกัญชง และลูกประคบสมุนไพรที่มีส่วนผสมของกัญชา ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยามาให้บริการ โดยมีการกำหนดข้อแนะนำ ขอบเขตการให้บริการ ข้อห้าม ข้อควรระวัง และการโฆษณาไว้อย่างชัดเจน โดยนำร่องในจังหวัดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ได้แก่ กทม. ขอนแก่น และเชียงใหม่  ในระยะต่อไป จะขยายฐานการใช้ไปสู่จังหวัดอื่นที่สนใจ และเพิ่มผลิตภัณฑ์ให้หลากหลาย ทั้ง นวด สมุนไพร ผลิตภัณฑ์ความงาม มาร์คหน้า รวมถึง Spa Cuisine จะซึ่งเป็นการเพิ่มความหลากหลายของการให้บริการ เพิ่มช่องทางการตลาดของผลิตภัณฑ์ สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่เป็นอัตลักษณ์ รวมทั้งสร้างศักยภาพการแข่งขันในเวทีโลก สร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศได้อีกทางหนึ่ง

 ********************************** 26 กรกฎาคม 2565


จากหน่วยงาน : กลุ่มภารกิจด้านข่าวและสื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักสารนิเทศ เปิดดู 3456 view
วันที่ประกาศข่าว : 26 กรกฎาคม 2565 เวลา 16:36 น.